“ก็เพราะมันง่ายกว่า เจ็บน้อยกว่า และไม่ต้องไปเสี่ยงกับฟุตบาทพัง ๆ ฝุ่น PM2.5 หรือสายตาคนแปลกหน้า”
ผมเริ่มเห็นเพื่อน ๆ นักวิ่งบางคนที่เคยลุยสนามกันมาตลอด เริ่ม “เปลี่ยนจังหวะชีวิต” แล้วหันมาเดินบนลู่วิ่งแทน ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รักการวิ่งแล้วนะ แต่เขาเริ่มเข้าใจว่า…สุขภาพมันไม่ใช่การแข่งขัน บางช่วงของชีวิต มันแค่ต้องการ “การเคลื่อนไหวแบบอ่อนโยน” มากกว่า จำได้เลยวันนั้นหลังงาน Garmin Run ผมนั่งกินข้าวกับพี่อีกคนที่เคยวิ่งได้ sub-4 สมัยยังหนุ่ม ๆ พี่เขาบอกว่า “หมิง… ตอนนี้พี่ไม่ได้วิ่งแล้วนะ พี่เดินเอา พี่ว่ามันเหมาะกับวัยพี่มากกว่า” แล้วก็หัวเราะแบบภูมิใจนะ ไม่ใช่เศร้าเลย
เดินบนลู่วิ่งมันต่างจากเดินข้างนอกยังไง?
โอเค สมมุติเรานั่งกินข้าวด้วยกันตอนนี้ แล้วคุณถามผมว่า
“หมิง แล้วถ้าผมเดินในหมู่บ้านล่ะ ไม่ดีกว่าเหรอ?”
ผมจะตอบว่า
“ถ้าฟุตบาทมันไม่แย่ ถ้ารถไม่ขับซิ่ง ถ้าคุณไม่ต้องกังวลว่าใครจะมอง”
แต่นี่มันโลกจริงครับ ไม่ใช่โลกในรีวิว
หลายคนตัดสินใจซื้อ “ลู่วิ่ง” ไม่ใช่เพราะอยากฟิตเว่อร์อะไรหรอก
แต่เพราะพวกเขา “แค่อยากได้พื้นที่ของตัวเอง”
จะเดินตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องกลัวฝน
เปิด Netflix เดินฟังเพลงไป คุมจังหวะตัวเองได้ 100%
แล้วมันเบิร์นได้เท่ากันไหม?
ผมตอบเลย ได้ครับ ถ้าคุณ “เดินแบบตั้งใจ”
ผมเคยเทสด้วยตัวเองเลย เดินเร็ว ๆ ชัน 3 ระดับ 30 นาที เหงื่อโชกเหมือนพึ่งซ้อม tempo run มาเลย
หลายคนไปติดภาพว่า “เดิน” มันไม่เบิร์น… เพราะเคยเดินชิล ๆ หยุดแวะกดมือถือ
แต่ถ้าคุณเดินแบบที่ผมเทส – ตั้งความเร็วที่ร่างกายเราต้องใช้ effort จริง ๆ — คุณจะรู้ว่า
มันเหนื่อยแบบอุ่น ๆ กำลังดี และเบิร์นได้ไม่แพ้วิ่งเลย
เดินบนลู่วิ่งช่วยเผาผลาญไขมันได้จริงไหม?
“ช่วยได้ครับ แต่คุณต้องเดินให้ถึง ‘จุดที่หัวใจเต้นแรงพอ’ มันถึงจะเบิร์น”
หลายคนคิดว่าแค่เดินเฉย ๆ บนลู่วิ่งมันจะผอมลงเอง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ครับ
ร่างกายเราจะเริ่มดึงไขมันมาใช้ได้ดีเมื่ออัตราการเต้นหัวใจอยู่ในโซนที่เรียกว่า “Fat Burn Zone”
พูดง่าย ๆ คือ เดินเร็วพอที่จะหอบเบา ๆ แต่ยังพูดเป็นประโยคได้ ไม่ถึงขั้นหายใจไม่ทันเหมือนตอนวิ่ง
ผมเคยจับเวลาตัวเอง เดินที่ความเร็ว 5.5 กม./ชม. ปรับความชันนิดหน่อยประมาณ 3-4%
เดิน 30 นาที… เหงื่อออก เสื้อเปียกนิด ๆ แล้วพอไปเช็ก smart watch
เผาผลาญไปประมาณ 220-250 kcal — มากกว่าวิ่งเหยาะแบบกลัวเจ็บอีกนะ
แถมข้อดีคือ “ไม่เจ็บ ไม่บาดเจ็บซ้ำ ไม่เหนื่อยเกินไปจนขี้เกียจทำต่อพรุ่งนี้”
เดินเร็วบนลู่วิ่งวันละ 30 นาที เทียบเท่าวิ่งได้ไหม?
“ใกล้เคียงกันครับ ถ้าคุณเดินแบบจริงจัง และทำต่อเนื่องทุกวัน”
ผมขอพูดแบบนี้…
คนที่เดินเร็วทุกวัน วันละ 30 นาที แบบไม่ขาด ไม่เบี้ยว มีวินัย
ผลลัพธ์ดีกว่าคนที่วิ่งวันเดียวแล้วพัก 5 วันแน่นอนครับ
คุณอาจจะไม่เบิร์นได้มากเท่ากับวิ่งในแต่ละนาที แต่รวมสะสมเป็นสัปดาห์ คุณอาจทำได้มากกว่าด้วยซ้ำ
สิ่งสำคัญคือ ความสม่ำเสมอ
ลูกค้าผมที่เริ่มจากเดินเท่านั้น แค่เดินนะครับ ไม่เคยวิ่งเลย น้ำหนักลง 5 กิโลใน 2 เดือน
พลังงานดีขึ้น ไม่ง่วง ไม่ล้า แถมยังลดความดันได้ด้วยจากการ “เดินเร็ว ๆ วันละนิดเดียว”
ทำไมลู่วิ่งถึงเหมาะกับการเดินมากกว่าการวิ่งในบางจังหวะชีวิต?
“เพราะมันเป็นมิตรกับข้อเข่า พื้นที่ส่วนตัว และจังหวะชีวิตที่อยาก ‘เริ่มใหม่’ แบบไม่เจ็บตัว”
พูดตรง ๆ ผมก็เคยอยู่จุดที่ “อยากออกกำลังกาย แต่ไม่ไหวจะวิ่ง”
บางวันมันเหนื่อยจากชีวิตมากแล้ว แค่จะใส่รองเท้าออกจากบ้านยังล้าเลยครับ
ลู่วิ่งที่บ้านมันเลยกลายเป็น “พื้นที่กู้ชีพ” ของผมในวันแบบนั้น
เดิน 20 นาที ฟังเพลง Lo-fi หรือ Podcast ที่ชอบ
มันไม่ใช่แค่เบิร์นไขมันนะครับ แต่มันเหมือนรีเซ็ตหัวใจตัวเอง
โดยเฉพาะคนที่เคยบาดเจ็บจากการวิ่ง หรือมีน้ำหนักตัวมาก
การเริ่มต้นจากการ “เดินบนลู่วิ่ง” คือทางที่อ่อนโยนแต่ยั่งยืนที่สุดแล้ว
ลู่วิ่งสำหรับเดินควรใช้ความเร็วเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัยและได้ผล?
“เริ่มที่ 4-5 กม./ชม. ก็พอครับ แล้วค่อย ๆ ปรับขึ้นให้หัวใจเต้นแรง แต่ยังพูดคุยได้”
มันไม่มีตัวเลขตายตัวนะครับว่าต้องกี่กิโลถึงจะดี
แต่วิธีเช็กที่ผมใช้คือ “ยังพอพูดคุยได้ แต่รู้สึกเหนื่อยหน่อย ๆ”
ลูกค้าหลายคนเริ่มที่ 3 กม./ชม. แล้วรู้สึกว่าง่ายไป ผมก็แนะนำให้ลองเพิ่มทีละ 0.5
เดินจนกว่าจะเจอจุดที่เริ่มหายใจแรงขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นหอบ
สายพานของลู่วิ่งสำหรับเดินควรกว้างแค่ไหนถึงจะเดินได้สบาย?
“ถ้ากว้างน้อยกว่า 40 ซม. เดินแล้วรู้สึกต้องเกร็งเท้า… แต่ถ้าเกิน 45 ซม. ขึ้นไป เดินได้เต็มก้าว สบายเหมือนเดินในสวน”
เวลาเราเดินแบบธรรมชาติ ขากับแขนจะเหวี่ยงตามกันนิด ๆ นะครับ แล้วบางคน โดยเฉพาะคนตัวใหญ่ หรือคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย
ถ้าสายพานแคบเกินไป มันทำให้ต้อง “เก็บขา” เดินเกร็ง ๆ แล้วพอเดินไม่เป็นธรรมชาติ มันก็เริ่มเบื่อ
ผมเคยลองเดินบนลู่วิ่งรุ่นเล็กที่สายพานแค่ 38 ซม. คือเดินได้ก็จริง แต่รู้สึกเหมือนกำลังพยายามบาลานซ์ตัวบนเส้นด้ายตลอดเวลา
ไม่ผ่อนคลายเลย
จนกระทั่งผมเปลี่ยนมาใช้รุ่นที่สายพานกว้าง 45 ซม. ขึ้นไป…
มันเปลี่ยนฟีลทันทีครับ เดินได้เต็มก้าว ปล่อยแขนตามสบาย ไม่ต้องห่วงว่าขาจะเหยียบขอบ
แล้วลูกค้าผมที่น้ำหนักตัวเยอะล่ะ?
ผมจะแนะนำเลยว่า
“ดูความกว้างของสายพานก่อนอันดับแรก ไม่ใช่แค่แรงม้า”
ยิ่งคนที่เริ่มจากการเดิน ต้องใช้พื้นที่เยอะพอให้ก้าวมั่นใจ ยิ่งสำคัญเลย
และถ้าใครอยู่คอนโด หรือพื้นที่จำกัด ผมก็จะให้พิจารณารุ่นที่พับได้ง่าย แต่ยังคงสายพานประมาณ 43-45 ซม. อย่างน้อย
ระบบซับแรงกระแทกมีผลกับคนเดินมากน้อยแค่ไหน?
“มากกว่าที่คิดครับ เพราะแรงกระแทกเกิดขึ้นแม้ในจังหวะก้าวเดิน ถ้าระบบดี ข้อเข่าจะขอบคุณคุณแน่นอน”
คนส่วนใหญ่คิดว่า “เดินไม่กระแทก”
จริงครับ มันไม่แรงเท่าวิ่ง แต่… ถ้าคุณเดินวันละ 30 นาทีทุกวัน
แรงสะสมต่อข้อนี่มีผลแน่นอนครับ โดยเฉพาะคนที่น้ำหนักเกิน หรืออายุเกิน 45 ปี
ผมมีลูกค้าเคสหนึ่ง น้ำหนักตัว 90+ แต่เริ่มต้นด้วยการเดินบนลู่วิ่งทุกวัน
ใช้รุ่นที่ไม่มีระบบซับแรงกระแทก พอผ่านไปแค่ 2 อาทิตย์ เขาเริ่มเจ็บส้นเท้า กับหัวเข่านิด ๆ
เปลี่ยนมาใช้รุ่นที่มีโช๊คสปริง และแผ่นรองกันกระแทก — ปรากฏว่าอาการหายไปเลย
เพราะฉะนั้น…
ถ้าคุณตั้งใจจะ “เดินทุกวัน” อย่าลืมเลือกเครื่องที่มีระบบซับแรงกระแทกดี ๆ ด้วยนะครับ
ถ้าอยู่คอนโดหรือมีพื้นที่จำกัด จะเลือกลู่วิ่งสำหรับเดินรุ่นไหนดี?
“เลือกรุ่นที่พับเก็บได้ง่าย น้ำหนักเบา แต่ยังมีพื้นที่เดินกว้างพอจะสบายเท้า”
คอนโดหลายห้องในกรุงเทพฯ นี่บางทีกว้างแค่ 25-30 ตร.ม.
ถ้าเอาลู่วิ่งใหญ่ ๆ เข้าไป มันก็เหมือนมีช้างตัวหนึ่งอยู่กลางห้อง 😅
ผมจะแนะนำรุ่นที่น้ำหนักประมาณ 40-50 กก. พับแล้วบางประมาณ 20-25 ซม.
ไม่ต้องถึงกับซ่อนใต้เตียง แต่สามารถพิงกำแพงไว้หลังใช้เสร็จได้
รุ่นอย่าง A1 จาก Runathome ก็เคยมีลูกค้าคอนโดใช้เยอะมาก
น้ำหนักเบา พับได้เร็ว เสียงไม่ดัง เดินตอนกลางคืนยังไม่มีใครบ่น
ฟังก์ชัน Bluetooth, ลำโพง, Zwift จำเป็นกับลู่วิ่งสายเดินจริงไหม?
“ถ้าใช้เดินจริงจังระยะยาว ฟังก์ชันพวกนี้คือ ‘กำลังใจ’ ครับ ไม่ใช่ของเล่น”
ผมเคยลองใช้ลู่วิ่งที่ไม่มี Bluetooth ฟังเพลงจากมือถือบนโต๊ะข้าง ๆ… แล้วมันก็เบื่อจริง ๆ
เสียงเบา ก้าวแล้วมือถือสั่นตกบ้างอะไรบ้าง
แต่พอเปลี่ยนมารุ่นที่มีลำโพงในตัว ฟีลมันเปลี่ยนเลยครับ
เพลงที่เราชอบมันดังแบบรอบตัว
เดินไปฟัง Billie Eilish ไป หรือพวก Podcast แรงบันดาลใจ เดินไปได้ครึ่งชั่วโมงแบบไม่รู้ตัวเลย
และแอปอย่าง Zwift หรือ FITIME นี่แหละที่ทำให้หลายคน “อยู่กับมันได้”
บางคนใช้ Zwift เดินแข่งกับเพื่อนใน Virtual Walk แบบขำ ๆ
มันไม่ใช่แค่ฟังก์ชัน — แต่มันคือ “กลยุทธ์” ที่ช่วยให้คุณไม่เบื่อและไม่เลิก
จะต่อที่หัวข้อถัดไปเลยนะครับ
รุ่นไหนบ้างที่เหมาะกับคนที่ “ชอบเดินบนลู่วิ่ง” มากกว่าวิ่ง?
“ลู่วิ่งที่ดีสำหรับสายเดิน ไม่ได้ต้องแรงม้าเยอะ แต่ต้อง ‘รู้จังหวะคนใช้จริง’”
เอาจริงนะครับหมิง คนที่ชอบเดินบนลู่วิ่งมีเยอะมาก
มากกว่าที่ตลาดเคยคิดด้วยซ้ำ
ลูกค้าผมมากกว่า 60% ที่ซื้อเครื่องไป ใช้เดินเป็นหลัก
เพราะฉะนั้นการจะเลือกลู่วิ่งให้เหมาะ ไม่ใช่แค่สเปกแรง แต่มันคือ “ความเข้ากับชีวิตประจำวัน”
ลู่วิ่งสายเดินรุ่น A1 – งบน้อย เดินได้จริง ใช้ในห้องเงียบ ๆ ได้ไหม?
“เหมาะกับคนที่อยู่คอนโด งบไม่แรง แต่อยากเริ่มสร้างนิสัยเดินวันละนิด”
ผมบอกเลยว่า A1 คือ “ตัวเริ่มต้นที่ไว้ใจได้”
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเดิน หรือกลัวว่าจะใช้ไม่คุ้ม รุ่นนี้ตอบโจทย์สุด ๆ
เสียงเบา เดินกลางคืนก็ไม่ปลุกใคร ความเร็วพอสำหรับการเดินเร็วแบบได้เหงื่อ
และที่ผมชอบคือมัน เบาและพับง่ายมาก เวลาใช้งานเสร็จ แค่ยกปลายแล้วยกขึ้น เสร็จภายใน 10 วินาที
ลูกค้าหลายคนที่อาศัยอยู่ห้องขนาดเล็ก 20 ตร.ม. บอกผมว่า
“หมิง รุ่นนี้คือ lifesaver เลยอะ มันไม่รบกวนพื้นที่เลย เดินทุกวันตอนดูซีรีส์”
ถ้าคุณมีงบประมาณไม่ถึงหมื่น และอยากเริ่มเดินสม่ำเสมอโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ A1 คือคำตอบที่เรียบง่ายแต่เวิร์กจริง
ลู่วิ่งสำหรับเดินรุ่น A3 – เดินนุ่ม เดินลื่น เหมาะกับสายเดินจริงจังแค่ไหน?
“ถ้า A1 คือเริ่มต้น A3 คือเลเวลกลางของสายเดินที่อยาก ‘เดินแบบรู้สึกดี’”
ลองจินตนาการดูครับว่า…
คุณเดินอยู่บนเครื่องที่มีโช๊คดี สายพานลื่น
ทุกก้าวเดินมัน “นิ่ม” จนรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนสนามลู่วิ่งในยิม
A3 ให้ฟีลนั้นเลยครับ
ลูกค้าผมหลายคนที่อายุประมาณ 40+ เปลี่ยนจาก A1 มา A3 เพราะเขาอยากได้อะไรที่ “เดินแล้วนุ่มขึ้น”
และรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
“ตอนแรกไม่คิดว่าจะรู้สึกอะไรนะโค้ช แต่พอเปลี่ยนมาแล้วรู้เลยว่าขามันไม่ล้าหลังเดินเสร็จ”
ความชันก็ปรับได้หลายระดับ ใครที่อยากจำลองการเดินขึ้นเนินเล็ก ๆ ก็ปรับไว้ระดับ 5-8 ได้เลย
ใครจะดู Netflix ไป เดินไป ก็ยังรู้สึกว่ามัน “สบายจริง” ไม่ใช่แค่ใช้ได้เฉย ๆ
รุ่น SONIC – คนเดินหนัก ๆ ใช้ได้ไหม เสียงดังหรือเปล่า?
“ใช้ได้ครับ เครื่องนี้คือ ‘ลู่วิ่งสายบึก’ ที่ออกแบบมาให้รองรับแรงก้าวแบบมั่นคง”
ผมแนะนำ SONIC บ่อยมากกับลูกค้ากลุ่มน้ำหนัก 90 กก. ขึ้นไป
เพราะรุ่นนี้ระบบมัน “เสถียร” และให้ความรู้สึก “มั่น” เวลาเดินแรง ๆ
คนที่เคยใช้รุ่นเล็กแล้วรู้สึกว่าพื้นมันโยกนิด ๆ หรือสายพานฝืด
ลองมาเจอ SONIC คือเปลี่ยนฟีลเลย
“ตอนเดินบนเครื่องนี้ รู้สึกเหมือนพื้นมันนิ่ง เหมือนเดินอยู่บนลู่วิ่งในโรงแรม”
และเสียงเงียบกว่าที่คิดนะครับ เพราะใช้มอเตอร์แบบพิเศษที่เสียงไม่เกินระดับเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป
ยิ่งอยู่ในห้องปิดประตูไว้ ฟังเพลง หรือดู YouTube ไปด้วยคือเพลิน
ลู่วิ่งสายเดินรุ่น X20S – เดินดู Netflix ได้ไหม เหมาะกับสายคอนเทนต์หรือเปล่า?
“เหมาะมากครับ ถ้าคุณคือคนที่เดินเพื่อคลายเครียด และใช้เวลาอยู่กับตัวเอง”
พูดตรง ๆ ผมเคยใช้ X20S เดินดูซีรีส์ไปจนจบ 3 ตอน
หน้าจอใหญ่ขนาด 12 นิ้ว ทัชสกรีน ลำโพงดี และที่สำคัญมันเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
เปิด YouTube, Netflix หรือแม้แต่ Spotify ได้เลยบนหน้าจอ
เสียงดี ภาพชัด และเดินได้ลื่นมาก ๆ
พื้นวิ่งกว้างไม่ต้องกลัวพลาด
ใครที่เป็นสาย “เดินคลายเครียด” หรือชอบฟัง Talk ไปด้วย — รุ่นนี้คือคาเฟ่ส่วนตัวของคุณเลยครับ
ลู่วิ่งไม่ใช้ไฟฟ้ารุ่น CX8 – สายเดินชิลแบบธรรมชาติ ควรเลือกไหม?
“ถ้าคุณชอบเดินแบบใช้แรงตัวเอง ไม่อยากยุ่งกับระบบไฟฟ้า รุ่นนี้ให้ความรู้สึกใกล้เคียง ‘เดินจริง’ ที่สุด”
CX8 คือแบบที่เรียกว่า “เดินด้วยแรงคน”
ไม่มีมอเตอร์ ไม่มีเสียงเครื่อง ทุกก้าวเดินมาจากคุณล้วน ๆ
บางคนเรียกมันว่า “ลู่วิ่งสายมินิมอล” เพราะไม่มีอะไรให้เล่นมาก
แต่ได้ฟีลแบบเดินขึ้นเขา เดินเร็ว เดินหนืด ควบคุมแรงต้านเอง
เคสที่ผมเคยเจอคือคุณครูวัยเกษียณที่เคยเดินในสวนทุกวัน แต่ย้ายมาอยู่คอนโด
เธอบอกว่า “CX8 ทำให้หนูรู้สึกว่าได้เดินจริง ๆ เหมือนที่เคยเดินกับเพื่อน”
ไม่มีเสียง ไม่มีหน้าจอ ก้าวด้วยใจล้วน ๆ
เดินบนลู่วิ่งยังไงให้ได้ผล ไม่เบื่อ และเห็นผลเร็วขึ้น?
“ให้เดินเป็นนิสัยก่อน แล้วค่อยไปคิดเรื่องเบิร์นไขมัน เพราะถ้าไม่ทำจนต่อเนื่อง ยังไงก็ไม่เห็นผล”
ผมเคยพูดกับเพื่อนคนนึงที่บ่นว่า “เดินมาหลายวันแล้ว ยังไม่รู้สึกว่าผอมเลย”
ผมหันไปถามกลับว่า “แล้วเดินมาได้กี่วันแล้วล่ะ?”
เขาบอกว่า “เดินได้ 3 วัน แล้วหยุด 4 วัน แล้วเริ่มใหม่อีก 2 วัน…”
ผมเงียบไปสักพัก แล้วก็ยิ้ม
“คือพี่ไม่ได้ล้มเหลวนะ พี่ยังไม่ได้เริ่มต่างหาก”
หลายคนไม่รู้ว่า…
การ “เดินอย่างมีวินัย” ทุกวัน วันละ 20-30 นาที มันเป็นเรื่องใหญ่
ใหญ่กว่าการไปเดินครั้งละ 1 ชั่วโมงแล้วหายไป 5 วันเยอะ
ควรเดินบนลู่วิ่งนานแค่ไหนต่อวันถึงจะเริ่มเบิร์นไขมัน?
“อย่างน้อย 20-30 นาทีต่อวัน ถึงจะเริ่มเข้าสู่โซนที่ร่างกายดึงไขมันมาใช้ได้จริง”
ช่วง 10 นาทีแรกที่คุณเดิน ร่างกายจะใช้พลังงานจากกลูโคส (หรือพลังงานด่วนที่เก็บไว้)
แต่หลังจากนั้น ระบบจะเริ่มค่อย ๆ หันไปใช้ไขมันแทน
ดังนั้นถ้าคุณเดินแค่ 10-15 นาที มันอาจยังไม่ทันได้ดึงไขมันมาใช้เลยก็ได้
ผมเคยตั้งนาฬิกาให้สั่นตอนครบ 20 นาที
แล้วเดินไปอีกสัก 10 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าเข้า “Fat Burning Zone”
ไม่ต้องเร็วเว่อร์ ขอแค่ “เหนื่อยนิด ๆ รู้สึกได้ว่าร่างกายเริ่มร้อนขึ้น”
ปรับความชันตอนเดินบนลู่วิ่งมีผลกับกล้ามเนื้อยังไง?
“มีผลเยอะครับ ยิ่งชัน ยิ่งใช้กล้ามเนื้อก้น-ต้นขาหลังมากขึ้น เหมาะกับคนที่อยากเฟิร์มช่วงล่าง”
เคยลองเดินบนเนิน 10% เป็นเวลา 10 นาทีไหมครับ?
ผมบอกเลยว่า… แทบร้องขอชีวิต 😅
แต่ถ้าเราปรับแค่ 3-5% มันจะช่วยให้เราใช้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
โดยเฉพาะคนที่นั่งทำงานทั้งวัน อยากให้ก้นไม่แบน — ลองเดินแบบนี้ดูวันละนิดครับ
เดิน 15 นาที แบบปกติ + 5 นาที ชันระดับ 5% = กล้ามขาหลังมีร้อง
อีกอย่างคือ… ความชันช่วยกระตุ้นหัวใจได้ดีโดยไม่ต้องเพิ่มความเร็ว
เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่อยากวิ่ง แต่ยังอยากฟิตขึ้นเรื่อย ๆ
เดินบนลู่วิ่งไป ดูซีรีส์ไปได้ไหม หรือจะเสียสมาธิ?
“ถ้าคุณตั้งความเร็วที่เหมาะกับร่างกาย การดูซีรีส์คือกำลังใจ ไม่ใช่ตัวทำลายสมาธิเลย”
ผมขอสารภาพเลยครับ…
มีช่วงนึงที่ผมดู “Crash Landing on You” ไปจนจบทั้งซีรีส์ บนลู่วิ่ง 😅
เดินตอนค่ำ ๆ เปิด Netflix แล้วเดินไปเรื่อย ๆ
พอถึงจุดพีคในเรื่อง ผมเพิ่มความเร็วอัตโนมัติโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เพราะอินกับซีนนั้นมาก
มันไม่ใช่แค่ช่วยให้ไม่เบื่อ
มันทำให้ “เดินได้นานขึ้น”
ซึ่งสุดท้ายก็คือกำไรที่เราไม่ได้รู้ตัว
แอป Zwift / FITIME มีประโยชน์จริงหรือแค่ลูกเล่น?
“ถ้าใช้จริง มันช่วยให้คุณ ‘อยากเดิน’ มากขึ้น เพราะเหมือนมีเกมให้เล่น ไม่ใช่แค่ก้าวไปเฉย ๆ”
ตอนแรกผมก็คิดว่าแอปพวกนี้มันแค่ gimmick
แต่พอลองใช้ Zwift ครั้งแรก มันเหมือนเปิดโลกใหม่เลยครับ
คุณได้เดินในเมืองเสมือน, เจอคนอื่นที่เดินพร้อมกัน
มีด่าน มี challenge มีบอกว่าเดินไปแล้วได้แคลอรี่เท่าไหร่
บางวันผมขี้เกียจนะ แต่เพราะอยากได้ badge ในแอปเลยเดิน 😆
FITIME เองก็จะเน้นสายวัดผลมากกว่า ใครที่ชอบเห็นกราฟ ชอบรู้ว่าตัวเองพัฒนาไปยังไงจะอินกับมัน
เดินบนลู่วิ่ง กับ เดินข้างนอก แบบไหนดีกว่าสำหรับมือใหม่?
“ถ้าคุณยังไม่ชินกับการเคลื่อนไหว หรือกลัวเจ็บ เริ่มที่ลู่วิ่งในบ้านดีที่สุดครับ”
วันก่อนผมไปเดินสวนสาธารณะช่วงเช้า
เห็นคนเริ่มต้นเดินอยู่เยอะมากครับ บางคนใส่รองเท้าแตะมาเดินก็มี
บางคนเดินแค่รอบเดียวแล้วหายไปเลย ผมเดาได้ไม่ยากว่าเค้า “เริ่มต้นผิดจังหวะ”
บางคนเดินเร็วเกินไปเพราะตามคนข้าง ๆ บางคนฝืนไปทั้งที่เข่าเจ็บ
ในทางกลับกัน ลูกค้าที่ซื้อเครื่องลู่วิ่งจากผม แล้วเริ่มจากการเดินวันละ 10-15 นาทีในบ้าน
กลับเป็นคนที่ “อยู่กับมันได้นานกว่า” ไม่โดนแสง ไม่โดนสายตาคน ไม่ต้องเดินแข่งกับใคร
ลู่วิ่งสำหรับเดินปลอดภัยกว่าจริงไหม โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้เริ่มต้น?
“ใช่ครับ เพราะมันควบคุมได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นผิว สุนัข หรือรถจักรยานยนต์”
พ่อผมอายุ 70 ปีแล้วครับ
ตอนแรกผมให้เดินข้างนอกหน้าบ้าน แต่มีวันนึงเขาสะดุดขอบปูน
ไม่ได้เจ็บหนักนะครับ แต่ใจคนแก่ก็เริ่มกลัว
หลังจากนั้น ผมซื้อเครื่องลู่วิ่งให้ แล้วแนะนำวิธีเดินให้แบบเบื้องต้น
แค่ก้าวสม่ำเสมอ มือจับไว้เบา ๆ แล้วเดินไปพร้อมเพลงโปรด
ผ่านไป 2 สัปดาห์ เขาบอกว่า “รู้สึกเหมือนได้ออกกำลังแบบที่ไม่ต้องกลัวอะไรเลย”
ไม่มีฟุตบาทหลุด ไม่มีรถวิ่งตัดหน้า
ถ้าสะดุด ก็มีปุ่มหยุดฉุกเฉินอยู่ใกล้มือ
เดินบนลู่วิ่งคุมความเร็วได้ดีกว่าเดินข้างนอกจริงไหม?
“คุมได้ดีกว่าเยอะครับ โดยเฉพาะถ้าคุณอยากเดินเร็วสม่ำเสมอแต่ไม่อยากเหนื่อยเกินไป”
เวลาเราเดินข้างนอก ความเร็วจะขึ้นอยู่กับหลายอย่าง
ทางลาด ทางชัน พื้นไม่เรียบ คนเดินสวน แสงแดด ฯลฯ
แต่บนลู่วิ่ง… คุณกดเลขเดียว เดินเร็วคงที่ได้ทั้งเซสชั่น
ผมชอบใช้ความเร็วประมาณ 5.5-6.0 สำหรับการเดินเร็ว
พอรู้ว่าร่างกายเรารับได้แค่นี้ ก็อยู่ที่ความเร็วนี้ไปเลย 30 นาที
ไม่ต้องคอยชะลอ ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องดูทาง
และที่สำคัญ…
คุณจะเริ่มรู้จัก “จังหวะของตัวเอง” มากขึ้น ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร
ถ้าฝนตก ฝุ่น PM 2.5 เยอะ ลู่วิ่งช่วยชีวิตได้แค่ไหน?
“ช่วยได้มากกว่าที่คิดครับ เพราะมันคือ ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ในวันที่คุณไม่อยากเสี่ยง”
ใครเคยมีโมเมนต์แบบนี้บ้างครับ?
- ลุกมาแต่เช้า เตรียมชุดจะออกไปเดิน แต่ฝนเทลงมา
- หรือวันไหนเปิดแอปเช็กฝุ่น แล้วเจอ PM 2.5 เกิน 150
- หรือบางทีแค่ “หมดแรงจะออกไปแต่งตัว เดินสวน”
หลายคนพอเจอเหตุการณ์แบบนี้… ก็ “พับโปรเจกต์ดูแลตัวเองไว้ก่อน”
แต่ถ้าคุณมีลู่วิ่งที่บ้าน แค่ก้าวขึ้นเครื่อง — เพลงมา หูฟังพร้อม เดินเลยทันที
บางคนบอกผมว่า
“การมีลู่วิ่งที่บ้าน มันไม่ใช่แค่เรื่องฟิตเนส มันคือการมีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้ตัวเองในวันที่รู้สึกไม่อยากออกไปไหนเลย”
สรุป ถ้าคุณเป็น “สายเดิน” ลู่วิ่งแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด?
“เลือกลู่วิ่งเหมือนเลือกรองเท้า—ไม่ต้องแพงสุด แต่ต้องใส่แล้วเดินสบาย เดินแล้วอยากกลับมาใช้ทุกวัน”
ผมขอเล่าตรง ๆ แบบคนขายลู่วิ่งที่เจอผู้ใช้จริงมานับไม่ถ้วน…
คนที่ซื้อไปแล้ว “ได้ใช้จริง” จนกลายเป็นนิสัยมักไม่ใช่คนที่เลือกเครื่องแพงสุด
แต่เป็นคนที่ “เลือกเครื่องที่เข้ากับตัวเอง”
ไม่ต้องเอาที่สเปกแรงที่สุด หรือใหญ่สุด
แต่ให้มองว่า…
- คุณอยู่ที่ไหน? ห้องมีพื้นที่ไหม? อยู่คอนโดหรือบ้าน?
- เดินเร็วแค่ไหน? มีปัญหาเรื่องเข่าหรือไม่?
- อยากฟังเพลงไปด้วยไหม? อยากดูซีรีส์ไหม?
- ตั้งใจจะเดินบ่อยแค่ไหน?
ถ้าคุณอยู่คอนโด มีพื้นที่จำกัด และเพิ่งเริ่มเดิน
✅ รุ่นที่เหมาะ A1 หรือ A3
เสียงเงียบ พับง่าย ไม่กินพื้นที่ เดินเบา ๆ ได้ทุกวัน เหมาะกับคนที่ไม่อยากยุ่งยาก
ถ้าคุณน้ำหนักมาก อยากเดินแบบมั่นคง ไม่กระเทือนขา
✅ รุ่นที่เหมาะ SONIC หรือ X20S
พื้นแน่น ซับแรงดี เดินได้เต็มก้าว ไม่ฝืด ไม่โยก ไม่ดัง
ถ้าคุณเป็นสายดูซีรีส์ ฟังพอดแคสต์ อยากให้การเดินมีความสุข
✅ รุ่นที่เหมาะ X20S
หน้าจอใหญ่ ฟังเพลง ดูวิดีโอได้ เหมือนเดินอยู่ในโรงหนังส่วนตัวเลยครับ
ถ้าคุณเป็นสายมินิมอล ไม่อยากเปิดเครื่อง ไม่อยากมีอะไรซับซ้อน
✅ รุ่นที่เหมาะ CX8 (ลู่วิ่งไม่ใช้ไฟฟ้า)
เดินได้เลยทันที ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ไม่มีเสียง ไม่มีจอ คือฟีลลิ่งแบบธรรมชาติล้วน ๆ
ถ้าให้ผมสรุปเป็นคำแนะนำง่าย ๆ เลยก็คือ
“ให้เลือกรุ่นที่คุณอยากกลับมาใช้อีกในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะลดราคาในวันนี้”
อย่าไปเลือกจากรีวิวที่เว่อร์เกินไปครับ
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่การซื้อ
แต่คือ “การได้ใช้… แล้วใช้ต่อเนื่อง”
คำถามที่คนอยากซื้อลู่วิ่งสายเดินถามบ่อย (FAQs)
เดินบนลู่วิ่งวันละกี่นาทีถึงจะเห็นผล?
“เริ่มที่ 20-30 นาทีต่อวันก็พอครับ ขอแค่คุณเดิน ‘ทุกวัน’ และไม่ขาดนาน”
บางคนถามผมว่า “ต้องเดินวันละชั่วโมงไหม?”
ผมจะรีบบอกเลยว่า “ไม่ต้องครับ เดินแค่พอไหว แต่ขอให้ทำ ‘ทุกวัน’”
เพราะผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ไม่ได้มาจากระยะเวลาเยอะ ๆ วันเดียว
แต่มาจาก ความถี่ และความสม่ำเสมอ
ลู่วิ่งสำหรับเดินต้องแรงม้าเท่าไหร่ถึงจะพอ?
“มอเตอร์ประมาณ 2.5-3.0 แรงม้าก็เหลือเฟือแล้วครับ ถ้าเน้นแค่เดิน”
บางคนหลงเข้าใจว่า ต้องแรงม้าเยอะถึงจะดี
แต่จริง ๆ ถ้าคุณเน้นแค่เดิน ไม่ได้วิ่งเร็วหรือลากยาว มอเตอร์ 3.0 DC ก็ใช้ได้ยาว ๆ แล้ว
เสียงเงียบ กินไฟน้อย แถมยังไม่เปลืองงบอีกด้วย
คนอายุ 50+ หรือคนเจ็บเข่า ใช้ลู่วิ่งได้ไหม?
“ใช้ได้แน่นอนครับ แต่ควรเลือกรุ่นที่มี ‘ระบบซับแรงกระแทก’ และความเร็วปรับได้ต่ำ”
ผมเคยมีลูกค้าอายุ 60+ ใช้ลู่วิ่งวันละ 15 นาทีต่อเนื่อง 2 เดือน น้ำหนักลดไป 4 โล
โดยไม่ต้องวิ่งเลย
เพราะเขาใช้ลู่วิ่งที่พื้นนิ่ม เดินเร็วระดับ 3-4 กม./ชม. สม่ำเสมอ
ที่สำคัญคือ ต้องไม่ฝืนตัวเอง
ค่อย ๆ เริ่ม แล้วร่างกายจะค่อย ๆ รับรู้การเปลี่ยนแปลง
ลู่วิ่งแบบไหนดีสำหรับคนที่น้ำหนักตัวเยอะ แต่อยากเริ่มจากเดินก่อน?
“เลือกรุ่นที่พื้นกว้าง โครงสร้างแน่น และรับน้ำหนักได้ 120 กก.ขึ้นไปครับ”
คนที่น้ำหนักมาก มักจะเจอปัญหาสายพานโยก เสียงดัง เครื่องสั่น
ซึ่งถ้าเลือกรุ่นที่รับได้ 150-160 กก. จะรู้สึกแตกต่างทันที
พื้นแน่น มั่นคง เดินมั่นใจ และที่สำคัญคือ “กล้าใช้ทุกวัน”
แนะนำให้ลองดูรุ่นอย่าง SONIC หรือ X20S
เพราะออกแบบมาสำหรับคนที่ต้องการความมั่นคงจริง ๆ
ไม่ใช่แค่แรงม้าเยอะ แต่ “โครงสร้างทั้งเครื่อง” รองรับน้ำหนักได้นิ่งมาก
เดินบนลู่วิ่งแล้วหัวใจแข็งแรงขึ้นจริงไหม?
“จริงครับ ถ้าเดินอยู่ในโซนที่หัวใจเต้นปานกลางเป็นประจำ”
ในงานวิจัยปี 2022 พบว่า
คนที่เดินบนลู่วิ่งวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ มีค่า resting heart rate ลดลงเฉลี่ย 6-9 ครั้งต่อนาทีภายใน 3 เดือน
หมายความว่า “หัวใจของคุณทำงานประหยัดขึ้น” แข็งแรงขึ้นแบบไม่ต้องวิ่งเลย
ลู่วิ่งทำให้ขาใหญ่จริงไหม?
“ไม่จริงครับ ถ้าเดินเร็วสม่ำเสมอ ขาจะกระชับ ไม่บวม ไม่ใหญ่”
ขาใหญ่เกิดจาก 2 อย่างคือ “กล้าม + ไขมัน”
แต่การเดินเร็วจะไปเร่งระบบเผาผลาญให้ใช้ไขมันก่อน
กล้ามที่ขึ้นก็จะเป็นแนวเรียวยาว ไม่ใช่แบบนักกล้าม
ถ้าเดินไปดูซีรีส์ไปทุกวัน จะได้ผลน้อยกว่ามั้ย?
“ไม่เลยครับ แค่คุณยังเดิน — ยังชนะคนที่นั่งดูเฉย ๆ แล้ว”
ผมยังเคยแนะนำให้ลูกค้าตั้งเป้าเลยว่า “ดูซีรีส์ได้ก็ต่อเมื่ออยู่บนลู่วิ่งเท่านั้น”
แล้วปรากฏว่าเขาเดินได้วันละ 45 นาทีแบบไม่รู้ตัว
เพราะการเคลื่อนไหว + ความบันเทิง มันไปด้วยกันได้ถ้าคุณเซ็ตจังหวะถูก
ลู่วิ่งเสียงดังไหม? เดินกลางคืนจะรบกวนเพื่อนบ้านมั้ย?
“ถ้าเลือกรุ่นดี ๆ เสียงเงียบจนเหมือนเปิดพัดลมครับ”
อย่าง A1, A3 หรือรุ่น SONIC เสียงเบามาก
ผมเคยเดินตอนตี 1 ยังไม่มีใครรู้
เพราะเสียงฝีเท้าคนเดินมันเบากว่าตอนเราลากเก้าอี้ซะอีก
แค่เลือกวางบนพื้นเรียบ + ไม่กระแทกแรง ๆ = อยู่ร่วมกันได้สบาย
ลู่วิ่งใช้แล้วต้องดูแลยังไง?
“หยอดน้ำมันเดือนละครั้งก็พอครับ ที่เหลือแค่เช็ดฝุ่นบ้าง”
ลู่วิ่งยุคใหม่หลายรุ่นมีช่องหยอดน้ำมันเฉพาะ หยอดแค่ 5-10 ml ต่อเดือน
เหมือนเติมน้ำมันเครื่อง
แค่นั้นแหละครับ ใช้ได้ยาว ๆ ปีนึงไม่ต้องซ่อมอะไรเลย ถ้าใช้อย่างถูกวิธี
สรุปส่งท้ายจากโค้ชหมิง
“ถ้าคุณเป็นสายเดิน — ขอแค่เริ่ม อย่าคิดเยอะ แล้ววันนึงคุณจะหันกลับไปมองตัวเองในกระจก แล้วพูดว่า… ดีแล้วที่วันนั้นเรากล้าเริ่มเดิน”
ลู่วิ่งไม่ใช่เครื่องเล่น
มันคือเพื่อนร่วมทางสุขภาพที่ไม่พูดมาก
แต่จะอยู่กับคุณในทุกวัน…
วันที่ฟ้าใส วันที่ฝนตก วันที่คุณเหนื่อย วันที่คุณอยากชนะใจตัวเองสักครั้ง