สวัสดีครับทุกคน โค้ชหมิงเองนะ! ผมเพิ่งกลับมาจากงาน Laguna Phuket Marathon เมื่อเดือนก่อน เหนื่อยมากแต่สนุกมาก! รู้ไหมว่าอะไรช่วยให้ผมวิ่งจบได้นอกจากใจสู้? คำตอบคือเสื้อผ้าที่ใส่นี่แหละ!
“เสื้อผ้าวิ่งที่ดีที่สุดคือเสื้อที่คุณลืมไปเลยว่ากำลังใส่มันอยู่”
เชื่อผมเถอะ ผมวิ่งมามากกว่า 20 ปี ขายอุปกรณ์วิ่งไปนับพันชิ้น และเคยวิ่งทั้งที่มีเสื้อผ้าดีและไม่ดี ผมจำความรู้สึกตอนวิ่งครึ่งมาราธอนด้วยเสื้อที่เสียดสีจนเป็นแผลได้แม่นยำ มันเจ็บมาก! และนั่นทำให้ผมรู้ว่าการเลือกเสื้อผ้าวิ่งไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น แต่มันคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณวิ่งได้สบายหรือทรมาน
เสื้อผ้าวิ่งที่ดีต้องทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งระบายเหงื่อ ไม่เสียดสี ยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหว และที่สำคัญ – ต้องทำให้คุณลืมไปเลยว่ากำลังใส่มันอยู่
ในบทความนี้ ผมจะแชร์ทุกสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อให้คุณเลือกเสื้อผ้าวิ่งที่ใส่แล้วสบายที่สุด ไม่ว่าคุณจะวิ่งในสวนหรือบนลู่วิ่งที่บ้าน
เสื้อวิ่งที่ดีเปลี่ยนการวิ่งธรรมดาให้สนุกขึ้นจริงไหม?
ตอบเลย – จริง 100%!
ตอนที่ผมเริ่มวิ่งใหม่ๆ ผมเคยคิดว่า “เอาเถอะน่า เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงขาสั้นก็วิ่งได้แล้ว” แล้วรู้อะไรไหม? ผมเกือบเลิกวิ่งเพราะมันทรมานมาก! เหงื่อไหลเต็มตัว เสื้อเปียกโชก หนักอึ้ง และขาเป็นผื่นจากการเสียดสีของผ้า
จนวันที่เพื่อนผมซึ่งเป็นนักวิ่งมืออาชีพ เห็นผมกำลังร้องโอย หลังวิ่งเสร็จ เขาหยิบเสื้อในกระเป๋าโยนมาให้ บอกว่า “ใส่ลองดูครั้งหน้า” มันเป็นเสื้อวิ่งจริงๆ เนื้อบางเบา มีการระบายอากาศดี
และมันเปลี่ยนประสบการณ์วิ่งของผมไปเลย! วันนั้นผมเพิ่งเข้าใจว่าการวิ่งไม่จำเป็นต้องทรมาน – เสื้อผ้าที่ใช่ทำให้การวิ่งสนุกขึ้นจริงๆ
ทำไมเสื้อที่ใส่สบายถึงช่วยให้วิ่งได้นานขึ้น?
“เมื่อคุณไม่ต้องกังวลกับเสื้อผ้า จิตใจคุณจะจดจ่อกับการวิ่งได้เต็มที่”
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังวิ่ง แต่ต้องคอยดึงเสื้อที่เปียกชื้นออกจากผิว หรือปรับกางเกงที่รั้งเสียดสี ทุกๆ ก้าว ใครจะมีสมาธิวิ่งต่อไหว?
ผมเคยอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับอุณหภูมิร่างกายระหว่างออกกำลังกาย พบว่านักวิ่งที่ใส่เสื้อผ้าระบายความร้อนได้ดี สามารถวิ่งได้นานกว่าคนที่ใส่เสื้อผ้าทั่วไปถึง 20% เพราะร่างกายไม่ต้องทำงานหนักเพื่อระบายความร้อน
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องกายภาพนะ มันมีผลทางใจด้วย! เมื่อคุณสวมเสื้อผ้าที่สบาย ไม่ต้องคอยกังวล ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองดูแย่ จิตใจก็จะจดจ่อกับการวิ่งได้เต็มที่
เพื่อนผมคนหนึ่งเคยบ่นว่าวิ่งได้แค่ 3 กิโลแล้วเหนื่อย พอผมแนะนำให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ครั้งถัดมาเขาวิ่งได้ 5 กิโล! เขาบอกว่า “มันเหมือนได้พลังเพิ่ม” ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาแค่ไม่ต้องเสียพลังไปกับการจัดการเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม
จากสนาม Amazing Thailand Marathon โค้ชหมิงเคยพลาดเพราะเสื้อแบบไหน?
เมื่อปีที่แล้ว ผมไปวิ่ง Amazing Thailand Marathon Bangkok ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่รู้ไหมว่าผมทำผิดพลาดอะไร? ผมใส่เสื้อใหม่ที่ไม่เคยลองวิ่งมาก่อน!
“กฎเหล็กของนักวิ่ง ไม่มีอะไรใหม่ในวันแข่ง!”
เสื้อตัวนั้นเป็นเสื้อแบรนด์ดัง ราคาแพง แต่พอวิ่งไปได้ 10 กิโล ผมเริ่มรู้สึกเจ็บที่หัวนม! ตะเข็บเสื้อเสียดสีจนแดง เจ็บมาก จนผมต้องถอดเสื้อออกและวิ่งด้วยเสื้อด้านในแทน
โชคดีที่มีรุ่นพี่นักวิ่งขี่จักรยานมาเจอ เขาหยิบวาสลีนในกระเป๋าออกมาให้ผมทา ช่วยบรรเทาอาการไปได้บ้าง แต่บทเรียนนั้นชัดเจน – อย่าประมาทเรื่องเสื้อผ้า และต้องทดสอบก่อนวันสำคัญเสมอ!
จริงๆ แล้ว ถ้าผมเลือกเสื้อที่มีตะเข็บแบน หรือเสื้อที่ออกแบบมาสำหรับการวิ่งระยะไกลโดยเฉพาะ ผมคงจะไม่ประสบปัญหานี้
สำหรับคนที่วิ่งในห้องหรือบนลู่วิ่งเช่น A1, A3 หรือ SONIC – เรื่องความเบาและระบายเหงื่อจะยิ่งสำคัญกว่าวิ่ง Outdoor เพราะไม่มีลมพัด! ผมมีลูกค้าหลายคนที่บอกว่าพอซื้อลู่วิ่งไปใช้ที่บ้านแล้ว ต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าวิ่งใหม่หมด เพราะเสื้อที่เคยใช้วิ่งข้างนอกกลับร้อนเกินไปสำหรับการวิ่งในห้อง
ใส่เสื้อวิ่งแบบไหนดี? ที่ไม่อึดอัด ไม่เสียดสี ไม่เปียกเหงื่อ
“เสื้อวิ่งที่ดีที่สุดต้องระบายเหงื่อได้ดี ยืดหยุ่นตามร่างกาย และไม่เสียดสีผิว”
ถ้าคุณกำลังมองหาเสื้อวิ่งที่สวมใส่สบาย ผมแนะนำให้ดูที่คุณสมบัติ 3 อย่างนี้
- วัสดุที่ระบายเหงื่อ – ต้องดูดซับและระเหยเหงื่อได้เร็ว
- การตัดเย็บที่ถูกต้อง – ตะเข็บต้องแบนหรือไม่มีตะเข็บเลย ไม่เสียดสีผิว
- ความยืดหยุ่น – ต้องยืดหยุ่น เคลื่อนไหวตามร่างกาย
ผมเคยวิ่งด้วยเสื้อยืดคอตตอนธรรมดา และมันเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก! พอออกตัวไปแค่ 2-3 กิโล เหงื่อเริ่มออก เสื้อก็เปียกชุ่ม หนักอึ้ง เหมือนมีใครเอาผ้าเปียกมาแขวนคอไว้ และยิ่งวิ่งนาน มันยิ่งเสียดสีผิว จนสุดท้ายเกิดเป็นแผลถลอก
เพื่อนผมชอบพูดติดตลกว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นนักวิ่งมือใหม่? ดูที่เสื้อคอตตอน 100% ของพวกเขาไง!” แม้จะฟังดูเหมือนล้อเล่น แต่มันจริงมาก
โพลีเอสเตอร์ ไนลอน หรือ Dry-fit แบบไหนซับเหงื่อที่สุด?
“เคล็ดลับของผม ผ้าโพลีเอสเตอร์ผสมอีลาสเทนคือตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด แต่อย่าเชื่อแค่ฉลาก ให้ลองสัมผัสเนื้อผ้าด้วยตัวเอง”
คืนนึงตอนผมนั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนนักวิ่ง เรามีประเด็นเถียงกันอย่างดุเดือดว่าเสื้อวิ่งเนื้อไหนดีที่สุด จนร้านปิดแล้วยังไม่จบ ฮ่าๆ ผมยืนยันว่าโพลีเอสเตอร์ 100% นี่แหละตัวจริง แต่เพื่อนผมเถียงว่าต้องมีส่วนผสมของไนลอนถึงจะทนทาน
จริงๆ แล้ว เราทั้งคู่ก็พูดถูกครึ่งๆ หละ
โพลีเอสเตอร์เป็นราชาแห่งการระบายเหงื่อ มันดูดซับน้ำแล้วระเหยเร็วมาก สัมผัสเนื้อผ้าดู คุณจะรู้สึกได้ว่ามันแทบไม่อมน้ำเลย น้ำหยดลงไปแล้วกลิ้งออกไป! แต่ถ้าเป็นโพลีเอสเตอร์ล้วนๆ บางทีมันก็แข็งไป ไม่ยืดหยุ่น
เมื่อวันก่อนผมไปซื้อข้าวแกงที่ตลาด เจอลุงแกขายน้ำพริกอยู่ข้างๆ ใส่เสื้อวิ่งเก่าๆ ผมเลยทักไปว่า “ลุงเป็นนักวิ่งด้วยเหรอครับ?” ลุงบอก “วิ่งทุกเช้าเลยพ่อหนุ่ม 30 ปีแล้ว” ผมถามต่อว่าลุงชอบเสื้อแบบไหน ลุงตอบทันทีว่า “ต้องไนลอนผสมสแปนเด็กซ์นะ ใส่มา 10 ปียังเหมือนใหม่”
นี่แหละที่ผมเรียนรู้จากนักวิ่งรุ่นเก๋า ไนลอนอาจซับเหงื่อได้น้อยกว่า แต่มันทนกว่าเยอะ โดยเฉพาะถ้าซักบ่อย
ส่วน Dry-fit นี่มันเป็นแค่ชื่อทางการตลาดนะ ไม่ใช่ชนิดของผ้า! แบรนด์ต่างๆ มีชื่อเรียกเทคโนโลยีระบายเหงื่อต่างกันไป บางที่เรียก Dri-FIT บางที่เรียก CoolTech อะไรก็ว่าไป แต่ส่วนใหญ่ก็คือโพลีเอสเตอร์นั่นแหละที่ถักทอพิเศษ
ผมมีเทคนิคง่ายๆ ในการเลือก คือลองเอาหยดน้ำหยดลงบนเสื้อดู ถ้าซึมเข้าเนื้อผ้าช้าและกระจายตัวเร็ว นั่นแหละใช่เลย! ลองทำตอนไปช้อปปิ้ง พนักงานอาจมองแปลกๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันได้ผล!
เส้นใยแบบใหม่ที่แบรนด์ดังใช้ปี 2024 มีข้อดีอะไร?
“เทคโนโลยีเส้นใยปี 2024 ไม่ได้แค่ระบายเหงื่อ แต่มันกำจัดกลิ่น ป้องกันรังสี UV และรีไซเคิลได้ด้วย”
ช่วงนี้ผมงานยุ่งมาก วิ่งไม่ค่อยได้ แต่มีโอกาสไปงาน Running Expo เมื่อเดือนที่แล้ว ได้เห็นของใหม่ๆ เพียบ! ผมตื่นเต้นมากจนต้องควักเงินซื้อเสื้อวิ่งใหม่ 3 ตัว ภรรยาผมบ่นใหญ่ บอกว่า “มีตั้งเยอะแล้ว ซื้ออีกทำไม?” แต่นี่มันเทคโนโลยีใหม่นะ!
เส้นใยสมัยใหม่ที่ผมประทับใจสุดคือพวกที่ผสมเซรามิก ฟังดูแปลกใช่ไหม? แต่มันทำงานได้จริง! อนุภาคเซรามิกจิ๋วๆ ในเส้นใยช่วยกระจายความร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ วันที่ผมใส่วิ่งครึ่งมาราธอนล่าสุดอากาศร้อนมาก 35 องศา แต่ผมรู้สึกเย็นกว่าที่คาดไว้เยอะ
อีกเรื่องที่น่าทึ่งคือเส้นใยจากขวดพลาสติกรีไซเคิล เมื่อก่อนผมคิดว่ามันเป็นแค่กิมมิคการตลาด แต่พอได้ลองใส่แล้วรู้สึกไม่ต่างจากโพลีเอสเตอร์เกรดดีเลย! แถมยังรู้สึกดีที่ได้ช่วยสิ่งแวดล้อมด้วย
ที่ฮอตมากๆ ปีนี้คือเสื้อที่มีเทคโนโลยีต้านเชื้อแบคทีเรีย จริงๆ ผมรู้จักมันมาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้มันถูกพัฒนาไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่ลดกลิ่น แต่ช่วยป้องกันผื่นแพ้ด้วย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนวิ่งระยะไกล
มีเรื่องตลกคือ เพื่อนผมที่รักการวิ่งเหมือนกันถามว่า “มันช่วยให้วิ่งเร็วขึ้นด้วยไหม?” ผมเลยตอบไปว่า “ถ้ามันทำให้นายวิ่งสบายขึ้น ระบายเหงื่อดีขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องผื่น นายก็จะวิ่งได้นานขึ้น เร็วขึ้นเอง!”
แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหม? ผมว่าทุกคนมีงบไม่เท่ากัน ถ้าซื้อได้ ลอง แต่ถ้ายังไม่มีงบ เสื้อโพลีเอสเตอร์ธรรมดาก็ใช้ได้ดีอยู่แล้ว
เสื้อวิ่งราคาหลักร้อยกับหลักพันต่างกันแค่ไหน?
“ราคาไม่ได้การันตีคุณภาพเสมอไป แต่มันการันตีความอึดถึงแน่นอน”
เรื่องนี้ผมพูดได้เต็มปากเพราะเคยทดลองซื้อมาครบทุกเรนจ์ราคา ตั้งแต่เสื้อตลาดนัด 99 บาท ยันแบรนด์นำเข้า 3,000 บาท
ตอนเริ่มวิ่งใหม่ๆ ผมก็ประหยัด ซื้อเสื้อวิ่งจากร้านขายอุปกรณ์กีฬาทั่วไป ราคาตัวละ 200-300 บาท มันก็ใช้ได้นะ แต่พอซักไป 5-6 ครั้ง เริ่มเห็นความต่าง… เสื้อราคาถูกจะเริ่มหลวม เสียทรง สีซีด และที่แย่ที่สุดคือคุณสมบัติระบายเหงื่อเริ่มด้อยลง
ผมมีเสื้อวิ่งตัวโปรดอยู่ตัวนึง ซื้อมาราว 1,500 บาท ตอนแรกก็คิดว่าแพงเกินไป แต่นี่ผมใส่มัน 5 ปีแล้ว ซักนับร้อยครั้ง วิ่งหลายพันกิโล มันยังอยู่ในสภาพดีมาก! คิดเฉลี่ยต่อการใช้งาน มันถูกกว่าซื้อเสื้อราคาถูกแต่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ซะอีก
ความต่างที่สำคัญระหว่างเสื้อราคาหลักร้อยกับหลักพัน
1.การตัดเย็บ! เสื้อราคาแพงจะมีตะเข็บน้อยกว่า และตำแหน่งตะเข็บจะไม่อยู่ตรงที่เสียดสีกับผิว บางตัวเย็บแบบ flatlock ที่แบนสนิท ไม่นูนขึ้นมา
2.คุณภาพเนื้อผ้า! ที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่รู้สึกได้ตอนใส่ เสื้อระดับบนจะมีความหนาแน่นของเส้นใยที่เหมาะสม ไม่บางเกิน ไม่หนาเกิน
3.ความทนทาน! ผมมีเพื่อนที่ชอบวิ่งเหมือนกัน เขาชอบประหยัด ผลคือต้องซื้อเสื้อใหม่ทุกปี ในขณะที่ผมยังใช้เสื้อเดิมมาหลายปีแล้ว
ถ้าซื้อไม่ไหว ผมแนะนำให้มีเสื้อดีๆ สัก 1-2 ตัวไว้สำหรับวันแข่งหรือวันซ้อมหนัก ส่วนวิ่งเล่นๆ ใช้เสื้อราคาประหยัดได้
ฮ่าๆ ผมยังจำวันที่ซื้อเสื้อวิ่งราคาแพงตัวแรกได้ ตอนเดินออกจากร้าน ผมแอบบ่นกับตัวเองว่า “ถ้าเสื้อตัวนี้ไม่ดีจริง ฉันจะไม่มีหน้าไปบอกภรรยา!” โชคดีที่มันคุ้มค่าจริงๆ!
เลือกเสื้อผ้ายังไงให้เหมาะกับอากาศ และรูปแบบการวิ่ง
“ผิดฤดู ผิดเสื้อ = ผิดพลาด! ฟังไว้ เพราะนี่คือบทเรียนที่ผมเรียนรู้จากการจ่ายค่าโง่มาแพงมาก”
ถ้าวิ่ง Indoor กับลู่วิ่ง A5 ต้องใส่เสื้อแบบไหนถึงไม่ร้อน?
“การวิ่งในบ้านกับลู่วิ่ง คือการวิ่งในซาวน่ากลางฤดูร้อน ถ้าไม่เตรียมตัวให้ดี!”
โอ้ย! ผมยังจำวันแรกที่ติดตั้งลู่วิ่ง A5 ในห้องนอนเล็กที่บ้านได้เลย มันเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าวมาก แล้วผมตัดสินใจว่าจะไม่เปิดแอร์เพื่อเซฟค่าไฟ ใส่เสื้อยืดคอตตอนตัวโปรด แล้วลงวิ่ง…
10 นาทีผ่านไป ผมแทบหายใจไม่ออก! ห้องกลายเป็นห้องอบไอน้ำไปแล้ว เหงื่อไหลจนเสื้อเปียกโชก น้ำหยดลงพื้นลู่วิ่งเป็นทาง กว่าจะรู้ตัวอีกที ภรรยาผมยืนหัวเราะอยู่ที่ประตู
“แค่ 10 นาทีเองเหรอ? นึกว่าจะวิ่งครึ่งชั่วโมง” เธอแซว พร้อมโยนผ้าขนหนูให้
นั่นเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ผมเข้าใจว่า การวิ่งในบ้านต่างจากวิ่งข้างนอกมาก! เพราะไม่มีลมพัด ความร้อนและความชื้นจากร่างกายเราจึงสะสมในห้องอย่างรวดเร็ว
ถ้าคุณวิ่งกับลู่วิ่ง A5 หรือรุ่นอื่นๆ ในบ้าน ผมขอแนะนำแบบลูกพี่ลูกน้องว่า
ต้องเป็นเสื้อโพลีเอสเตอร์บางเบา 100% เท่านั้น! อย่าเสียดายเงิน เพราะนี่คือความสบายของคุณเอง เสื้อที่บางและระบายอากาศดีจะช่วยได้มาก โดยเฉพาะแบบที่มีรูระบายอากาศเล็กๆ ที่ด้านข้าง
เมื่อปีที่แล้ว ลูกค้าของผมคนหนึ่ง คุณสมศักดิ์ (ชื่อสมมติ) โทรมาบ่นว่าลู่วิ่ง A5 ที่ซื้อไปทำให้ร้อนมาก ขอเปลี่ยนรุ่น ผมเลยขับรถไปดูที่บ้านเขา พอเห็นเสื้อที่เขาใส่วิ่ง ผมก็อดขำไม่ได้ มันเป็นเสื้อโปโลผ้าหนา! ผมเลยแนะนำให้เขาลองใส่เสื้อวิ่งจริงๆ แทน อาทิตย์ต่อมาเขาโทรมาขอบคุณ บอกว่าวิ่งสบายขึ้นเยอะ ไม่ต้องเปลี่ยนลู่วิ่งแล้ว
จริงๆ แล้ว เวลาวิ่งในบ้าน ผมชอบใส่เสื้อกล้ามโพลีเอสเตอร์บางๆ มากที่สุด แรกๆ ภรรยาทักว่าดูไม่ค่อยเหมาะ ฮ่าๆ แต่มันเย็นสบายจริงๆ นะ!
อีกทริคนึงคือติดพัดลมเพดานหรือพัดลมไว้ใกล้ๆ และเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ถ้าเป็นไปได้ ควรวางลู่วิ่งในห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี อย่าเอาไปไว้ในห้องเล็กๆ ที่อับทึบ
ถ้าวิ่ง outdoor ตอนเช้า หรือตอนฝนตก ต้องปรับยังไง?
“อากาศไทยพลิกไปพลิกมาเหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ เตรียมตัวให้พร้อมดีกว่าเสียดายทีหลัง”
ผมเป็นคนชอบวิ่งตอนเช้ามืด หกโมงเช้า แต่เช้าวันนึงที่ผมจำได้ไม่ลืมเลือนคือวันที่ผมออกไปวิ่งตามปกติ อากาศเย็นสบาย ผมใส่เสื้อบางๆ คิดว่าจะวิ่งให้สบาย แต่ไม่ถึง 15 นาที ฝนตกหนักมาก!
ผมเปียกปอนกลับบ้า แถมหนาวสั่นไปทั้งตัว วันนั้นผมป่วยเป็นไข้หวัดอยู่หลายวัน ภรรยาบ่นจนหูชา “บอกแล้วให้เช็คพยากรณ์อากาศก่อนออกไปวิ่ง!”
นับจากนั้น ผมเลยมีกฎเหล็กสำหรับการวิ่ง outdoor
- ตอนเช้ามืด – ผมจะใส่เสื้อแขนยาวบางๆ ที่ทำจากโพลีเอสเตอร์เสมอ ถึงแม้จะรู้สึกว่าอบอุ่นเกินไปในช่วงแรก แต่มันปกป้องจากความเย็นในตอนเช้าได้ดี และเมื่อเริ่มร้อนขึ้น เหงื่อออก มันก็ระบายได้ดี ไม่ทำให้อึดอัด
- ช่วงฝนตก – ผมไม่แนะนำให้วิ่งกลางฝนหนัก แต่ถ้าเจอฝนพรำหรือละอองฝน เสื้อวิ่งกันน้ำเบาๆ (water-resistant) จะช่วยได้มาก มันไม่กันน้ำ 100% แต่ช่วยให้คุณอุ่นและแห้งพอที่จะวิ่งต่อได้สบาย
ผมเคยเจอนักวิ่งใหม่ที่ใช้เสื้อกันฝนตัวหนา คิดว่าจะป้องกันฝนได้ดี แต่สุดท้ายเขากลับเปียกจากเหงื่อข้างในมากกว่าฝนข้างนอกอีก!
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งขณะวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ ฝนเริ่มตก ทุกคนวิ่งหาที่หลบ แต่มีคุณลุงคนหนึ่ง อายุราวๆ 60+ วิ่งต่อไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมสงสัยมากเลยเข้าไปถาม
“ลุงครับ ไม่หลบฝนเหรอครับ?” ผมถาม
“หลบทำไม? ร่างกายมนุษย์กันน้ำได้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว” แกตอบพร้อมกับหัวเราะ “แต่สิ่งที่กันไม่ได้คือความเย็น เสื้อผมเป็นโพลีเอสเตอร์ แม้จะเปียก แต่ยังอุ่น ไม่เหมือนคอตตอนที่เปียกแล้วเย็นชืด”
ผมได้บทเรียนสำคัญจากลุงท่านนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความเปียก แต่อยู่ที่ความเย็นต่างหาก
เสื้อแขนสั้น vs แขนยาว vs แขนกุด แบบไหนเหมาะกับใคร?
“อย่าเลือกแขนตามแฟชั่น แต่เลือกตามสภาพอากาศและร่างกายของคุณ”
เรื่องนี้ผมมีความเห็นชัดเจนมาก จากประสบการณ์วิ่งทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต
- เสื้อแขนสั้น – คลาสสิกที่สุด เหมาะกับเกือบทุกสภาพอากาศในเมืองไทย โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงกลางคืน หรือเช้าที่ไม่หนาวมาก แขนสั้นช่วยให้แขนระบายความร้อนได้ดี แต่ยังปกป้องไหล่จากแสงแดด
- เสื้อแขนกุด – ผมรักเสื้อแขนกุด! มันเย็นสบาย เคลื่อนไหวคล่องตัว และดูแอธเลติกสุดๆ เหมาะกับอากาศร้อนจัดหรือวิ่งในร่ม แต่มีข้อเสียคือไม่ปกป้องจากแสงแดด และบางคนรู้สึกไม่มั่นใจที่จะโชว์แขน
- เสื้อแขนยาว – สำคัญมากสำหรับวิ่งในที่อากาศเย็น หรือตอนเช้ามืด มันช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกาย และปกป้องจากรังสี UV ได้ดี ผมมักใส่เสื้อแขนยาวเวลาไปวิ่งที่เชียงใหม่ช่วงปลายปี อากาศหนาวชื้น ถ้าไม่มีเสื้อแขนยาว ผมคงไม่อยากออกไปวิ่งเลย!
บางคนกลัวว่าเสื้อแขนยาวจะร้อนเกินไป แต่เสื้อโพลีเอสเตอร์แขนยาวที่ออกแบบมาสำหรับวิ่งโดยเฉพาะจะบางและระบายอากาศได้ดี มันไม่ทำให้คุณร้อนอย่างที่คิด
ความลับอีกอย่างคือ เสื้อแขนยาวบางรุ่นมีรูนิ้วหัวแม่มือ สำหรับสอดนิ้วเวลาอากาศหนาวจัด ช่วยให้ปลายแขนเสื้อไม่เลื่อนขึ้น และห่อหุ้มมือไปด้วย มันเป็นดีไซน์เล็กๆ ที่ช่วยได้มากในวันอากาศหนาว
เสื้อฟิตหรือหลวม แบบไหนใส่แล้ววิ่งสบาย ไม่รั้ง ไม่หลุด?
“การวิ่งคือการเคลื่อนไหว และเสื้อผ้าต้องเคลื่อนไหวไปกับคุณ ไม่ใช่เคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ”
ตอนเริ่มวิ่งใหม่ๆ ผมคิดว่าเสื้อหลวมๆ น่าจะสบายกว่า แต่วันหนึ่งตอนวิ่งระยะไกล เสื้อผมเริ่มเสียดสีหัวนมจนเจ็บ เพราะมันกระพือไปกระพือมา! นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเริ่มลองเสื้อฟิตๆ บ้าง
Athletic Fit, Regular หรือ Loose แบบไหนวิ่งแล้วรู้สึกคล่องตัว?
“ความฟิตของเสื้อควรไปกับรูปร่างและสไตล์การวิ่งของคุณ ไม่มีกฎตายตัว”
จำได้ว่าปีที่แล้วตอนไปงาน Amazing Thailand Marathon Bangkok ผมยืนอยู่แถวปล่อยตัว ก็เห็นเพื่อนนักวิ่งคนนึงใส่เสื้อหลวมมาก เหมือนจะลงไปเล่นบาสเกตบอลมากกว่า ผมอดแซวไม่ได้ “ฮ้าววว เตรียมรับลมใหญ่เลยนะพี่!”
เขาหัวเราะแล้วบอกว่า “เสื้อฟิตๆ มันกดหน้าท้องฉัน หายใจไม่ค่อยออก วิ่งได้ไม่สบาย”
ผมถึงบางอ้อเลย การเลือกความฟิตของเสื้อมันไม่ได้มีสูตรสำเร็จ! มันขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและรูปร่างด้วย
- Athletic Fit หรือเสื้อที่ฟิตกระชับไปกับร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างมั่นใจในรูปร่าง และต้องการลดแรงต้านลม โดยเฉพาะนักวิ่งที่เน้นความเร็ว เสื้อแบบนี้จะไม่มีส่วนเกินที่พลิ้วไหวไปมาจนรบกวนการวิ่ง
- Regular Fit เป็นตัวเลือกกลางๆ ที่ผมว่าเวิร์คกับคนส่วนใหญ่ รวมถึงผมด้วย มันไม่ฟิตจนอึดอัด แต่ก็ไม่หลวมจนพลิ้วไปมา เป็นทางสายกลางที่ดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มวิ่ง หรือยังไม่มั่นใจว่าชอบแบบไหน
- Loose Fit อาจดูเหมือนไม่เหมาะกับการวิ่ง แต่มีนักวิ่งจำนวนไม่น้อยที่ชอบ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบความรู้สึกของผ้าแนบเนื้อ หรือคนที่มีปัญหาเรื่องผื่นคัน การระบายอากาศในเสื้อหลวมจะดีกว่า แต่มักมีปัญหาเรื่องการเสียดสีเมื่อวิ่งระยะไกล
เพื่อนผมคนนึงชอบเสื้อ Loose Fit มาก แต่เขาแก้ปัญหาเรื่องเสียดสีด้วยการทา Body Glide ก่อนวิ่งทุกครั้ง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ผู้หญิงและผู้ชายมักมีความชอบเรื่องความฟิตของเสื้อต่างกัน จากประสบการณ์ขายเสื้อให้ลูกค้าที่มาซื้อลู่วิ่ง ผมสังเกตว่าผู้หญิงมักชอบเสื้อที่กระชับมากกว่า ในขณะที่ผู้ชายหลายคนกลับชอบแบบหลวมกว่า
เคล็ดลับจากโค้ช ถ้าไม่แน่ใจ ให้ลองวิ่ง 200-300 เมตรในร้านเลย (วิ่งเบาๆ นะ อย่าให้เหงื่อออก) เพื่อดูว่าเสื้อเคลื่อนไหวยังไง มีส่วนไหนที่รู้สึกอึดอัดหรือไม่ ร้านดีๆ จะเข้าใจและอนุญาตให้คุณทดสอบได้
สำหรับสาย Cardio บนลู่วิ่ง SONIC และ X20 ควรใส่แบบไหนถึงจะไม่อึดอัด?
“ลู่วิ่งในบ้านเป็นเหมือนห้องซาวน่าส่วนตัว เสื้อที่ระบายอากาศได้ดีคือกุญแจสำคัญ”
ตอนผมแนะนำลู่วิ่ง SONIC และ X20 ให้ลูกค้า ผมมักจะพูดติดตลกว่า “รับเครื่องพ่นไอน้ำไปด้วยไหมล่ะ?” เพราะคนที่ซื้อรุ่นนี้ส่วนมากเป็นสายซีเรียส อยากวิ่งหนักๆ ฝึก cardio จริงจัง แล้วเวลาเหงื่อออกเยอะๆ ในห้องปิด มันเหมือนอยู่ในซาวน่าจริงๆ!
ผมเคยมีลูกค้าคนนึงซื้อลู่วิ่ง SONIC ไป แล้วโทรมาบ่นว่า “พี่หมิง ผมวิ่งแค่ 20 นาที แต่เหมือนอาบน้ำทั้งตัวเลย!” เขาใส่เสื้อยืดคอตตอนธรรมดา ซึ่งเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่สำหรับการวิ่งในบ้าน
จากประสบการณ์ส่วนตัวและจากที่ได้คุยกับลูกค้านับร้อย ผมมีคำแนะนำสำหรับการเลือกเสื้อใส่วิ่งบนลู่วิ่ง SONIC และ X20
เลือกเสื้อกล้ามหรือเสื้อไม่มีแขนแบบระบายอากาศสูง! ฟังแปลกใจไหม? แต่จริงๆ แล้ว ในบ้านไม่มีลมพัด ไม่มีแสงแดด การเปิดพื้นที่ผิวให้ระบายความร้อนได้มากที่สุดจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ซึ่งเป็นจุดที่มีต่อมเหงื่อเยอะ
ยกตัวอย่างเช่น ผมเองวิ่งบนลู่วิ่ง X20 ที่บ้านประจำ ตอนแรกผมใส่เสื้อแขนสั้นธรรมดา แต่รู้สึกร้อนมาก จนวันหนึ่งผมลองใส่เสื้อกล้ามโพลีเอสเตอร์บางๆ แบบที่นักวิ่งมืออาชีพใช้ รู้สึกแตกต่างลิบลับ! เหงื่อระเหยได้เร็วกว่า ร่างกายเย็นลงได้ดีกว่า
มีเรื่องน่าขำอีกเรื่อง เพื่อนบ้านผมเห็นว่าผมวิ่งที่บ้านบ่อย เลยมาขอคำแนะนำ ผมบอกให้เขาซื้อเสื้อกล้ามโพลีเอสเตอร์ แต่เขาบอกว่า “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่มั่นใจกับแขนตัวเอง ไม่กล้าโชว์” ผมเลยแนะนำให้เขาลองเสื้อแขนสั้นที่ตัดแขนกว้างๆ แทน ให้มีช่องระบายอากาศที่รักแร้เยอะๆ เขาลองแล้วบอกว่าใช้ได้ดีทีเดียว
นอกจากนี้ ผ้าก็สำคัญมาก ต้องเป็นโพลีเอสเตอร์ 100% หรือผสมเส้นใยที่ระบายความชื้นได้ดี อย่าใช้คอตตอนเด็ดขาด! หลายคนคิดว่าคอตตอนระบายอากาศดี แต่ความจริงมันดูดซับเหงื่อแล้วอมไว้ เวลาวิ่งในบ้านคุณจะรู้สึกเหมือนมีผ้าเปียกๆ ห่อตัวไว้
ทางเลือกที่ดีอีกอย่างคือเสื้อแบบตาข่าย (mesh) ที่มีรูระบายอากาศเล็กๆ ทั่วตัวเสื้อ คล้ายกับที่นักบาสเกตบอลใช้ มันอาจดูแปลกไปหน่อยสำหรับนักวิ่ง แต่การวิ่งในบ้านไม่มีใครเห็นคุณอยู่แล้ว!
ตัดเย็บดี = วิ่งไม่สะดุดจริงไหม?
“ตะเข็บเสื้อผ้าเปรียบเหมือนรอยเชื่อมในเครื่องจักร ถ้าไม่เรียบร้อย มันจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ทั้งระบบล้มเหลว”
ตะเข็บเสื้อควรอยู่ตรงไหนถึงจะไม่เสียดสี?
จริงๆ แล้ว ปัญหาใหญ่ของนักวิ่งไม่ใช่ความเร็วหรือความอึด แต่คือผิวหนังที่ถลอกจากการเสียดสี! ผมเป็นพยานได้เลย
ตอนผมวิ่งมาราธอนครั้งแรก มันเกิดหายนะกับหัวนมผม เพราะเสื้อที่มีตะเข็บแข็งๆ ตรงหน้าอก เสียดสีซ้ำๆ จนเลือดออก! นั่นเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาก และทำให้ผมเข้าใจความสำคัญของตำแหน่งตะเข็บเสื้อเป็นอย่างดี
แล้วตะเข็บเสื้อควรอยู่ตรงไหนล่ะ?
คำตอบคือ ตะเข็บต้องไม่อยู่ตรงจุดที่เคลื่อนไหวหรือเสียดสีบ่อยๆ!
เสื้อวิ่งคุณภาพดีมักจะมีตะเข็บอยู่ด้านข้างลำตัว ไม่ใช่ด้านหน้าหรือด้านหลัง เพราะด้านข้างเป็นจุดที่มีการเสียดสีน้อยกว่า
เพื่อนผมชอบแซวว่า “ตะเข็บเสื้อวิ่งต้องเหมือนเส้นทางรถไฟ คือต้องอยู่ห่างจากย่านชุมชน”
แต่นอกจากตำแหน่งแล้ว วิธีการเย็บก็สำคัญมาก! เสื้อวิ่งระดับดีจะใช้การเย็บแบบ “flat-lock seams” ซึ่งทำให้ตะเข็บแบนราบไปกับผ้า ไม่นูนขึ้นมา หรือบางรุ่นก็ใช้เทคโนโลยี “seamless” ที่ไม่มีตะเข็บเลย
ลูกค้าผมคนหนึ่งเป็นหมอผิวหนัง เขาเล่าให้ฟังว่ามีคนไข้มาหาเขาด้วยปัญหาผื่นแดงบริเวณหัวนมและรักแร้ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเสียดสีของเสื้อผ้าระหว่างออกกำลังกาย เขาแนะนำลูกค้าให้เปลี่ยนมาใช้เสื้อที่มีตะเข็บแบน อาการก็หายไป!
ผมมีเทคนิคง่ายๆ ในการเช็คตะเข็บเสื้อก่อนซื้อ ลองลูบนิ้วไปตามตะเข็บ ถ้ารู้สึกว่ามันนูนหรือสะดุดมือ แสดงว่ามันจะเสียดสีผิวคุณแน่นอน
เรื่องตลกอีกเรื่อง ครั้งหนึ่งผมซื้อเสื้อวิ่งราคาถูกมาก มันไม่มีตะเข็บข้างในเลย ตอนแรกผมดีใจมาก คิดว่าเจอเสื้อไร้ตะเข็บราคาถูก แต่พอวิ่งไปสักพัก ผมรู้สึกแสบๆ ที่ผิว เพราะขอบเสื้อไม่ได้เย็บริม มันกรอบและบาด! ทีนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงถูก…
เสื้อ Laser Cut, เสื้อมีช่องระบายเหงื่อ ดีกว่าเสื้อเรียบไหม?
“เทคโนโลยีตัดเย็บสมัยใหม่ไม่ได้แค่หล่อ แต่มันเวิร์คจริง”
ตอนแรกผมคิดว่าเสื้อที่มีรูระบายอากาศ หรือตัดแบบ Laser Cut เป็นแค่กิมมิคทางการตลาด ลูกเล่นให้ดูหล่อเท่ เพื่อเพิ่มราคา
แต่ผมผิดถนัด…
พอได้ลองวิ่งระยะไกลด้วยเสื้อที่มีช่องระบายอากาศตรงหลังและรักแร้ ในวันที่อากาศร้อนจัด ผมถึงกับทึ่ง! มันต่างจากเสื้อธรรมดาลิบลับ เหมือนมีลมพัดเบาๆ ตลอดเวลา
เสื้อ Laser Cut คือเสื้อที่ใช้เลเซอร์ตัดขอบผ้า แทนการเย็บริมแบบปกติ ทำให้ขอบผ้าบางเบา ไม่มีตะเข็นยื่นออกมา ส่วนเสื้อที่มีช่องระบายเหงื่อ (Ventilation zones) คือเสื้อที่มีการออกแบบให้มีช่องหรือแผงตาข่ายเล็กๆ ที่จุดซึ่งร่างกายสร้างความร้อนมากอย่างกลางหลังหรือใต้แขน
สิ่งที่ผมชอบมากๆ เกี่ยวกับเสื้อ Laser Cut คือความรู้สึกเมื่อสวมใส่ – มันเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย! ไม่มีตะเข็บหรือขอบผ้าที่บาดหรือรบกวน
จำได้ว่าคืนหนึ่งหลังจากวิ่งเสร็จ ผมนั่งกินเบียร์กับเพื่อนที่เพิ่งลงแข่ง Half Marathon เขากำลังบ่นเรื่องเสื้อที่เสียดสีจนเป็นแผล ผมเลยหยิบเสื้อ Laser Cut ของผมออกมาให้ดู แกแซวทันทีว่า “อะไรวะ ราคาเท่ากับค่าข้าวฉันทั้งเดือน!”
ผมแค่ยิ้มและบอกว่า “ถือว่าเป็นการลงทุนกับผิวหนังของตัวเอง เสียตังค์ครั้งเดียว ดีกว่าเสียเลือดทุกครั้งที่วิ่ง” เพื่อนผมหัวเราะแล้วขอลองจับดู ปรากฏว่าเขาถึงกับอ้าปากค้าง “เฮ้ย มันบางมาก แต่ดูแข็งแรงดีนะ”
นี่แหละประโยชน์ของเทคโนโลยีการตัดเย็บสมัยใหม่ – มันไม่ได้มีไว้แค่ให้ดูดี แต่มันช่วยให้คุณวิ่งสบายขึ้นจริงๆ
ผมเคยได้ยินลุงคนหนึ่งที่ผมเจอตอนวิ่งที่สวนลุมพูดไว้ดีมาก “สมัยก่อนผมวิ่งด้วยเสื้อกางเกงธรรมดา พอมีลูกหลานเอาเสื้อรุ่นใหม่มาให้ ผมเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาผมทรมานตัวเองโดยไม่จำเป็น”
ถ้าถามว่าคุ้มไหม? ผมว่าถ้าคุณคิดจะวิ่งระยะไกลหรือวิ่งเป็นประจำ มันคุ้มค่ามาก เสื้อวิ่งคุณภาพดีอายุการใช้งานอย่างน้อย 2-3 ปี แม้ซักบ่อย และทำให้ประสบการณ์วิ่งของคุณสนุกขึ้นเยอะ
ใส่ยังไงให้ดูดีด้วย? เสื้อผ้าวิ่งที่ “ใส่แล้วหล่อ/สวย” ไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น
“ใส่ให้ดูดีไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่เพื่อกำลังใจตัวเอง และในบางกรณี เพื่อความปลอดภัยด้วย”
ไม่ต้องปฏิเสธความจริงหรอกว่า เราอยากดูดีตอนวิ่ง อยากมีรูปถ่ายสวยๆ ไปโพสต์ แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องความหล่อหรือความสวยนะ มันเป็นเรื่องของความมั่นใจด้วย
เคยสังเกตไหมว่า เวลาที่คุณรู้สึกว่าตัวเองดูดี คุณจะมีพลังวิ่งมากขึ้น? นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันมีผลทางจิตวิทยาจริงๆ
ผมมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง แกเริ่มวิ่งตอนอายุ 45 เพื่อลดน้ำหนัก ตอนแรกแกใส่กางเกงวอร์มเก่าๆ กับเสื้อยืดหลวมๆ ไม่กล้าใส่ชุดวิ่งจริงจัง เพราะกังวลเรื่องรูปร่าง
วันหนึ่งผมชวนแกไปงานวิ่งการกุศล และแนะนำให้ลองซื้อชุดวิ่งที่เหมาะกับรูปร่าง ในที่สุดแกก็ยอมลองใส่เสื้อวิ่งผู้หญิงที่ออกแบบมาให้เข้ารูป แต่มีการตัดเย็บที่ช่วยอำพรางส่วนที่แกไม่มั่นใจ
พอแกออกมาจากห้องลองเสื้อ ผมเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าแกทันที! แกบอกว่า “ฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักวิ่งจริงๆ ซะที!”
วันงาน แกวิ่งได้ไกลกว่าที่เคยซ้อมเยอะเลย แถมยังบอกว่าอยากลงสมัครวิ่งมินิมาราธอนในอีก 3 เดือนข้างหน้า นั่นเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของแกเลย
สิ่งที่ผมเรียนรู้คือ การแต่งตัวไม่ได้เกี่ยวกับการทำให้คนอื่นประทับใจ แต่มันเกี่ยวกับการทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักวิ่ง คุณก็จะวิ่งเหมือนนักวิ่ง!
ทำไมโค้ชหมิงถึงเลือกสีสว่างตอนวิ่งกลางคืน?
“สีสว่างไม่ได้มีไว้อวด แต่มีไว้ให้รถเห็นคุณก่อนที่จะสาย”
ผมมีเรื่องเศร้าต้องเล่า… ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 ปี เพื่อนร่วมกลุ่มวิ่งของผมคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุขณะวิ่งตอนหัวค่ำ รถจักรยานยนต์ชนเขาเพราะมองไม่เห็น เขาบาดเจ็บหนักและต้องพักการวิ่งไปเกือบปี
ตอนนั้นเขาใส่เสื้อสีเทาเข้ม ไม่มีแถบสะท้อนแสงเลย
นับจากวันนั้น ผมตั้งกฎเหล็กสำหรับตัวเองและทุกคนในกลุ่ม “วิ่งกลางคืน ต้องสว่างเท่าไฟจราจร!”
มันไม่ใช่เรื่องแฟชั่น แต่เป็นเรื่องชีวิตและความปลอดภัย
ผมมีเสื้อวิ่งสีเหลืองสะท้อนแสงจำนวนมาก และมักจะสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสะท้อนแสงอีกชั้น บางครั้งก็ใส่แถบรัดข้อมือและข้อเท้าสะท้อนแสงด้วย เพื่อนๆ ชอบล้อว่าผมเหมือนต้นคริสต์มาสเคลื่อนที่ แต่ผมไม่แคร์ ความปลอดภัยสำคัญกว่า
เรื่องขำๆ คือ วันหนึ่งผมวิ่งกลับบ้านตอน 4 ทุ่ม มีคนขับรถผ่านมาแล้วลดกระจกลงตะโกนว่า “ขอบคุณครับที่สว่างขนาดนี้! ผมเห็นคุณแต่ไกลเลย!” ผมยกมือไหว้เขากลางถนนเลย ฮ่าๆ
อีกเรื่องตลกคือ บางครั้งเวลาผมวิ่งผ่านร้านอาหารริมทาง คนมักจะหันมามอง เพราะเสื้อผมสว่างมาก เด็กๆ ชอบชี้และหัวเราะ ผมก็แค่โบกมือทักทายกลับไป บางทีถ้าคุณจะดูตลกนิดหน่อย แต่ปลอดภัย มันก็คุ้มนะ
นอกจากสีสว่างแล้ว แบรนด์เสื้อวิ่งดีๆ มักจะมีแถบสะท้อนแสงเย็บติดไว้ที่ตัวเสื้อด้วย โดยเฉพาะตรงหลังและแขน ซึ่งเป็นจุดที่ไฟหน้ารถส่องถึง แถบพวกนี้สะท้อนแสงได้ไกลถึง 100-200 เมตร ให้เวลาคนขับรถมากพอที่จะเห็นคุณและหลบได้ทัน
สำหรับผมแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ชีวิตมีค่ามากกว่าความเขินอายที่จะใส่เสื้อสีฉูดฉาด
เสื้อผ้าสะท้อนแสง ช่วยเรื่องความปลอดภัยจริงไหม?
“มันช่วยได้มากกว่าที่คุณคิด และไม่ใช่แค่เรื่องการมองเห็น แต่เป็นเรื่องการแสดงตัวตนด้วย”
ตรงนี้ผมไม่พูดลอยๆ นะ มีงานวิจัยที่ผมอ่านเมื่อปีที่แล้วระบุว่า การสวมใส่เสื้อผ้าสะท้อนแสงช่วยเพิ่มระยะการมองเห็นจาก 50 เมตรเป็น 150 เมตร สำหรับคนขับรถในเวลากลางคืน!
เวลาครึ่งวินาทีระหว่างเห็นและไม่เห็น อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตและความบาดเจ็บ
แต่นอกเหนือจากความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว เสื้อผ้าสะท้อนแสงยังมีข้อดีอื่นอีก
ความปลอดภัยในพื้นที่เปลี่ยวร้าง เมื่อคุณวิ่งในที่มืดหรือเปลี่ยว การใส่เสื้อสว่างทำให้คุณดูเด่นชัด คนไม่ดีจะลังเลที่จะเข้ามาก่อเหตุ เพราะคุณเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง
คืนหนึ่ง ผมกับเพื่อนไปวิ่งในสวนสาธารณะที่ค่อนข้างเปลี่ยว มืด และไม่ค่อยมีคน ผมใส่เสื้อสะท้อนแสงตามปกติ แต่เพื่อนผมใส่เสื้อสีดำ ระหว่างวิ่ง มีกลุ่มวัยรุ่นท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินเข้ามาหา สังเกตเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเล็งไปที่เพื่อนผมที่มองเห็นได้ยากกว่า แต่พอเห็นผมในชุดสะท้อนแสงวิ่งเข้ามาใกล้ๆ พวกเขาก็เดินจากไป
อีกเรื่องที่หลายคนไม่รู้คือ เสื้อผ้าสะท้อนแสงช่วยให้คุณดูเป็น “นักวิ่งตัวจริง” ซึ่งสร้างความเคารพจากผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ โดยเฉพาะในชุมชนที่มีวัฒนธรรมวิ่งแข็งแรง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมกำลังวิ่งบนทางเท้าแคบๆ มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่มาบนทางเท้า ปกติคงจะแทรกผ่านไป แต่คนขี่สังเกตเห็นชุดวิ่งสะท้อนแสงของผม เขาชะลอและขับลงไปบนถนนแทน ผมรู้สึกว่าเขาเห็นผมเป็น “นักวิ่งตัวจริง” ไม่ใช่แค่คนเดินเล่น
เสื้อผ้าวิ่งของผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันยังไง?
“ไม่ใช่แค่สีชมพูกับสีฟ้า แต่มันคือการออกแบบเพื่อสรีระที่แตกต่างกัน”
ผมรู้เรื่องนี้ดีเพราะนอกจากขายลู่วิ่งแล้ว ผมยังขายเสื้อวิ่งด้วย และที่สำคัญ ภรรยาผมก็เป็นนักวิ่งเหมือนกัน!
ทรงเสื้อ/ตำแหน่งเย็บต้องต่างกันไหม?
“ถ้าคุณเอาเสื้อวิ่งชายมาให้หญิงใส่ หรือกลับกัน คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไมการออกแบบต้องต่างกัน”
เมื่อปีที่แล้ว ผมเจอเรื่องตลกมาก ภรรยาผมหยิบเสื้อวิ่งผมไปใส่เพราะเสื้อเธอซักไม่แห้ง พอใส่แล้วเธอบ่นไม่หยุด “ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ ลำตัวยาวไป แต่ช่วงไหล่แคบไป แล้วทำไมคอเสื้อมันกว้างขนาดนี้?”
ส่วนผมเองก็เคยลองใส่เสื้อวิ่งของเธอเหมือนกัน (ไม่ ผมไม่ได้ใส่เสื้อสปอร์ตบรานะ!) แต่เป็นเสื้อยืดวิ่ง และตรงนั้นแหละที่ผมเข้าใจว่าทำไมต้องแยกเสื้อชาย-หญิง
เสื้อวิ่งผู้ชายกับผู้หญิงต่างกันในหลายจุดที่สำคัญ
ผู้ชายมักมีไหล่กว้างกว่า ลำตัวเป็นทรงสี่เหลี่ยม เสื้อผู้ชายเลยตัดให้บริเวณไหล่กว้าง ลำตัวตรง และมักจะยาวกว่าเพื่อให้คลุมสะโพกได้พอดี เวลาวิ่ง ผู้ชายมักจะมีแรงเหวี่ยงของแขนมากกว่า เสื้อเลยต้องมีช่องแขนกว้างพอที่จะไม่รั้งการเคลื่อนไหว
ผู้หญิงมีสะโพกผายกว่า เอวคอด และหน้าอก เสื้อผู้หญิงเลยต้องมีการเว้าเข้าที่เอว บานออกที่สะโพก และมีพื้นที่สำหรับหน้าอก ตะเข็บมักจะวางในตำแหน่งที่ไม่เสียดสีหน้าอก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักวิ่งผู้หญิง
ความยาวก็ต่างกันมาก เสื้อผู้ชายมักยาวกว่าเพื่อคลุมเอวให้มิดชิด ในขณะที่เสื้อผู้หญิงอาจสั้นกว่าเพื่อให้เข้ากับสรีระและสไตล์
มีลูกค้าคนหนึ่งมาที่ร้าน เธอบ่นว่าไม่ชอบเสื้อวิ่งผู้หญิงเพราะสีสันมักจะเป็นพาสเทลหรือชมพู อยากได้สีเข้มๆ เท่ๆ เหมือนเสื้อผู้ชาย ผมแนะนำให้เธอลองเสื้อผู้ชายแบบ slim fit ไซส์เล็ก เธอลองแล้วหน้าเสีย “มันไม่โค้งเข้าที่เอวเลย ใส่แล้วดูเหมือนกระสอบ” นั่นแหละ จุดที่เสื้อผู้ชายและผู้หญิงต่างกัน
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ คอเสื้อ! เสื้อวิ่งผู้ชายมักมีคอกว้างและลึกกว่า เพราะผู้ชายมีลำคอใหญ่กว่า ในขณะที่เสื้อผู้หญิงอาจมีคอวีมากกว่าเพื่อความสวยงามและสบาย
มีช่วงหนึ่งที่แบรนด์พยายามทำเสื้อ unisex ออกมา แต่ผลลัพธ์คือไม่มีใครชอบ! มันไม่เข้ากับสรีระใครเลย ซึ่งพิสูจน์ว่าความแตกต่างระหว่างเสื้อผู้ชายและผู้หญิงไม่ใช่แค่เรื่องการตลาด แต่เป็นเรื่องการใช้งานจริงๆ
ทั้งหมดนี้ยังไม่พูดถึงความแตกต่างของกางเกงวิ่งชาย-หญิงนะ ซึ่งยิ่งแตกต่างกันมากกว่าอีก! แต่นั่นคงเป็นหัวข้อสำหรับวันอื่น…
Sports Bra มีผลต่อการวิ่งระยะไกลจริงไหม?
“Sports Bra ที่ใช่ = วิ่งได้ไกลขึ้นได้สบายขึ้น 100%”
ผู้หญิงที่วิ่งทุกคนรู้ดีว่าบราสปอร์ตสำคัญขนาดไหน แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ (รวมถึงผมในอดีต) ไม่เข้าใจความสำคัญของมันเลย
จนกระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาผมกลับมาจากวิ่งครึ่งมาราธอนด้วยสีหน้าปวดร้าว ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอบอกว่า “บราสปอร์ตเก่าไม่รองรับพอ เจ็บไปหมด วิ่งไม่สนุกเลย”
ผมงงมาก คิดว่าบราสปอร์ตก็น่าจะเหมือนกันหมด แค่รัดให้แน่นๆ ก็น่าจะพอ… โอ้ ผมผิดถนัด!
ภรรยาผมอธิบายว่าหน้าอกผู้หญิงเคลื่อนไหวได้ 3 ทิศทาง ขึ้น-ลง, ซ้าย-ขวา, และเข้า-ออก เวลาวิ่ง แรงกระแทกทำให้เนื้อเยื่อหน้าอกบอบช้ำได้ และเกิดความเจ็บปวด ยิ่งวิ่งไกล ยิ่งเจ็บมาก บราสปอร์ตคุณภาพดีจะช่วยรองรับและลดการเคลื่อนไหวในทุกทิศทาง
เธอยังบอกอีกว่า การใส่บราสปอร์ตที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เนื้อเยื่อที่รองรับหน้าอกเสียหายได้ ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ
ผมเลยพาเธอไปร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่มีพนักงานผู้หญิงที่เข้าใจเรื่องนี้ดี เธอได้บราสปอร์ตคุณภาพดีที่ออกแบบมาสำหรับงานหนักโดยเฉพาะ ราคาแพงกว่าที่เคยซื้อเกือบ 3 เท่า แต่ผลลัพธ์คุ้มค่ามาก! ครั้งต่อมาที่เธอวิ่งครึ่งมาราธอน เธอกลับมาพร้อมรอยยิ้ม บอกว่ารู้สึกเหมือนวิ่งคนละโลกเลย
เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงบอกว่า “บราสปอร์ตคือชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของอุปกรณ์วิ่งสำหรับผู้หญิง” มันไม่ใช่แค่เสื้อใน แต่เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้วิ่งได้ไกลขึ้น สบายขึ้น และปลอดภัยกว่า
มีเรื่องขำๆ อยู่ว่า ผมซื้อลู่วิ่ง X20 มาใหม่ ภรรยาผมใช้บ่อยมาก จนวันหนึ่งผมถามว่าทำไมถึงชอบวิ่งที่บ้านขนาดนั้น เธอหัวเราะแล้วบอกว่า “เพราะฉันไม่ต้องใส่บราสปอร์ตรัดแน่นไงล่ะ! วิ่งสบายกว่าเยอะ” ผมถึงเข้าใจว่าบางครั้ง การวิ่งในบ้านก็มีข้อดีที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน!
โค้ชหมิงแนะนำจากประสบการณ์จริง
“บทเรียนที่ได้มาจากความเจ็บปวด มักจะเป็นบทเรียนที่จำได้นานที่สุด”
เคยใส่เสื้อวิ่งผิดแล้วเกิดอะไรขึ้น?
ผมจะเล่าเรื่องอายๆ ให้ฟัง เพื่อเป็นบทเรียนให้ทุกคน
สองปีก่อน ผมตัดสินใจลงแข่ง Marathon ที่เชียงใหม่ ตอนซ้อมในกรุงเทพฯ อากาศร้อนมาก ผมเลยซ้อมด้วยเสื้อกล้ามตลอด
แต่พอถึงวันแข่งที่เชียงใหม่ อากาศเย็นมาก ประมาณ 12-13 องศา ผมไม่ได้เตรียมเสื้อแขนยาวไปเลย คิดว่า “เดี๋ยวพอวิ่งไปสักพัก ร่างกายก็จะอุ่นขึ้นเอง”
ช่างเป็นความคิดที่ผิดมหันต์! ตอนปล่อยตัว 5 โมงเช้า อากาศหนาวมาก ผมสั่นไปทั้งตัว ได้แต่ถูมือไปมา เพื่อนนักวิ่งข้างๆ มองด้วยความสงสัย บางคนยังใจดีเสนอเสื้อคลุมให้ แต่ผมปฏิเสธด้วยความมั่นใจเกินตัว
พอวิ่งไปได้ 5 กิโล ร่างกายเริ่มอุ่นขึ้น ผมคิดว่า “เห็นไหม ไม่เป็นไรเลย!” แต่พอถึงกิโลที่ 15 ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ… กล้ามเนื้อเริ่มเกร็ง ขาไม่ค่อยยืดเต็มที่ และที่แย่ที่สุดคือ ผมเริ่มหนาวสั่นระหว่างวิ่ง!
สุดท้าย ผมจบการแข่งขันได้ แต่ด้วยเวลาที่แย่มาก ช้ากว่าที่คาดไว้เกือบชั่วโมง และตัวผมเองก็ป่วยเป็นไข้หวัดหลังจากนั้น 3 วันเต็มๆ
บทเรียนสำคัญ เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศเสมอ! อย่าประมาท แม้ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมาหลายปีแล้วก็ตาม
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่มีวันลืม คือตอนที่ผมตัดสินใจซื้อเสื้อกระชับกล้ามเนื้อ (compression shirt) ราคาแพงมาก เพราะได้ยินว่ามันช่วยการไหลเวียนเลือดและลดการล้าของกล้ามเนื้อ
ผมมั่นใจมากจนใส่มันวิ่งครั้งแรกในงานวิ่งใหญ่ โดยไม่เคยลองมาก่อน
พอวิ่งไปได้ 10 กิโล ผมเริ่มรู้สึกคันตามผิวหนัง จากนั้นก็แสบร้อน และสุดท้ายเป็นผื่นแดงไปทั้งลำตัว! ปรากฏว่าผมแพ้ส่วนผสมบางอย่างในเส้นใยของเสื้อ
ผมต้องหยุดที่จุดปฐมพยาบาล พยาบาลถึงกับส่ายหน้า “เสื้อใหม่เหรอคะ? ไม่เคยลองใส่มาก่อนเลยใช่ไหม?” ผมพยักหน้าอย่างละอายใจ เธอฉีดยาแก้แพ้ให้และแนะนำให้ผมถอดเสื้อออก ใส่เสื้อของทีมงานแทน
นั่นเป็นการวิ่งที่ทรมานที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต และทำให้ผมตั้งกฎเหล็กอีกข้อว่า “ไม่มีอะไรใหม่ในวันแข่ง! ไม่ว่าจะรองเท้า เสื้อผ้า หรืออาหาร”
เสื้อตัวที่ชอบที่สุดสำหรับ Half Marathon คือแบรนด์ไหน?
“มันไม่ใช่แค่เรื่องแบรนด์ แต่เป็นเรื่องของความพอดีกับร่างกายและสไตล์การวิ่งของคุณ”
หลายคนถามผมว่าชอบเสื้อแบรนด์อะไรที่สุด ผมมักจะหัวเราะและตอบว่า “คำถามนี้เหมือนถามว่าชอบกินอาหารร้านไหน มันขึ้นอยู่กับความหิว อารมณ์ และงบประมาณวันนั้น!”
แต่ถ้าให้พูดจริงๆ สำหรับการวิ่ง Half Marathon ที่เป็นระยะที่ผมชอบที่สุด ผมมีเสื้อโปรดอยู่ 3 ตัวที่หมุนเวียนกันใช้
เสื้อตัวแรกเป็นของแบรนด์ญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ผมซื้อมาตอนไปเที่ยวโตเกียว มันเป็นเสื้อโพลีเอสเตอร์ผสมเส้นใยพิเศษที่นิ่มมาก ใส่แล้วเบาเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่ระบายเหงื่อได้ดีเยี่ยม
เสื้อตัวที่สองเป็นแบรนด์ไทยที่ผลิตในจังหวัดลำพูน ราคาไม่แพงมาก แต่คุณภาพดีเกินราคา ตัดเย็บแน่นหนา แถมมีดีไซน์ที่เข้ากับรูปร่างคนไทยมากกว่าแบรนด์ต่างประเทศบางแบรนด์
เสื้อตัวที่สามเป็นของแบรนด์อเมริกันที่มีชื่อเสียง ผมได้มาจากงานวิ่งที่สิงคโปร์ มันดูดีมาก มีเทคโนโลยีระบายอากาศล้ำสมัย แต่ต้องยอมรับว่ามันแพงเกินความจำเป็น
ถ้าให้เลือกเพียงตัวเดียว ผมคงเลือกเสื้อแบรนด์ไทย เพราะนอกจากใส่สบายแล้ว มันยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศด้วย
แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าแบรนด์คือคุณสมบัติของเสื้อ
มันต้องระบายเหงื่อได้ดี ต้องไม่มีตะเข็บที่เสียดสีผิว ต้องพอดีกับรูปร่าง ไม่หลวมหรือคับเกินไป และสำคัญที่สุด – คุณต้องรู้สึกดีเมื่อสวมใส่มัน!
เพื่อนผมหลายคนติดแบรนด์มาก จ่ายเงินเป็นหมื่นเพื่อซื้อชุดวิ่งแบรนด์ดัง แต่สุดท้ายกลับไม่ชอบใส่เพราะมันไม่เข้ากับรูปร่าง หรือไม่ถูกใจสไตล์ของพวกเขา
ผมแนะนำให้ทุกคนลองเสื้อหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรูปแบบ แล้วค่อยๆ ค้นพบว่าอะไรที่ใช่สำหรับตัวเอง อย่าซื้อเพราะโฆษณาหรือเพราะเห็นคนอื่นใส่ แต่ซื้อเพราะมันเหมาะกับคุณจริงๆ
วิธีดูแลเสื้อผ้าวิ่งให้ใช้ได้นาน ไม่เสียคุณสมบัติซับเหงื่อ
“เสื้อวิ่งดีๆ เป็นการลงทุน อย่าให้วิธีการซักทำลายมันในเวลาไม่กี่เดือน”
คืนนึงหลังจากผมวิ่งเสร็จ ผมโยนเสื้อวิ่งตัวโปรดลงในตะกร้าเหมือนเคย ปกติภรรยาผมจะซักให้ แต่วันนั้นเธอไม่อยู่ ผมเลยคิดว่า “มันคงไม่ยากหรอก แค่ซักผ้า”
ผมเทผงซักฟอกเต็มฝา ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มไปด้วยเพราะคิดว่าจะทำให้เสื้อนุ่มสบาย แถมซักด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วก็นำไปตากแดดจัดๆ
ครั้งต่อมาที่ใส่เสื้อตัวนั้นวิ่ง ผมรู้สึกแปลกๆ… เหงื่อไม่ระเหยเหมือนเดิม เสื้อเริ่มอมน้ำและหนักอึ้ง แถมยังมีกลิ่นแปลกๆ ผสมกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่แย่ที่สุดคือมันเริ่มระคายผิวด้วย!
ภรรยากลับมาเห็นเข้า ถึงกับส่ายหน้า “พี่ทำอะไรกับเสื้อของพี่เนี่ย?” เธอจับเสื้อดูแล้วบอกว่า “มันเสียหมดแล้ว น้ำยาปรับผ้านุ่มทำลายคุณสมบัติซับเหงื่อของมันแล้ว”
วันนั้นผมเลยได้เรียนรู้วิธีดูแลเสื้อวิ่งที่ถูกต้อง
ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มจริงไหม?
“ห้ามเด็ดขาด! น้ำยาปรับผ้านุ่มคือศัตรูตัวร้ายที่สุดของเสื้อวิ่ง”
ความจริงที่ช็อคผมมากๆ คือ น้ำยาปรับผ้านุ่มทำงานโดยการเคลือบเส้นใยของผ้าด้วยสารเคมีชนิดหนึ่ง ทำให้ผ้านุ่มจริง… แต่มันก็ปิดกั้นคุณสมบัติการระบายความชื้นของเส้นใยโพลีเอสเตอร์ไปด้วย!
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เสื้อวิ่งที่เคยระบายเหงื่อได้ดี กลายเป็นเสื้อที่อมน้ำและกักความชื้นไว้ จากโพลีเอสเตอร์คุณภาพดีกลายเป็นเหมือนถุงพลาสติกที่ห่อตัวคุณไว้
ผมเคยเจอลูกค้าท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเขาไปซื้อเสื้อวิ่งราคาแพงมา แต่ใช้ได้แค่เดือนเดียว เสื้อก็เริ่มอมเหงื่อและมีกลิ่น พอผมถามว่าซักยังไง เขาบอกว่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทุกครั้ง เพราะชอบกลิ่นหอมๆ ผมเลยต้องอธิบายให้ฟังว่าเขาทำลายเสื้อตัวเองไปแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ น้ำยาปรับผ้านุ่มมักมีสารตกค้างที่ล้างออกยาก การซักหลายๆ ครั้งอาจช่วยได้บ้าง แต่บางครั้งความเสียหายก็ถาวร
มีนักวิ่งรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพมาก เล่าเรื่องน่าขำให้ฟังว่า เมื่อ 20 ปีก่อน เขามีเสื้อวิ่งตัวโปรดที่ใช้มาหลายปี แล้ววันหนึ่งแฟนสาวย้ายเข้ามาอยู่ด้วย แล้วซักผ้าให้ พอเขาใส่เสื้อวิ่งครั้งต่อมา มันเปียกลื่น อมเหงื่อ และหนักอึ้ง เขาบอกว่า “นั่นคือช่วงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจระหว่างเสื้อกับแฟน” เราหัวเราะกันใหญ่ ในที่สุดแฟนเขาก็ยอมเลิกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อวิ่ง และทั้งคู่แต่งงานกันในปีถัดมา
ควรซักบ่อยแค่ไหน ถ้าวิ่งบนลู่วิ่งทุกวัน?
“ซักหลังใช้ทุกครั้ง แต่ที่สำคัญคือวิธีการซัก ไม่ใช่ความถี่”
คำถามนี้มีคนถามผมบ่อยมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อลู่วิ่งไปใช้ที่บ้าน และเริ่มวิ่งเป็นประจำทุกวัน
คำตอบสั้นๆ คือ ซักเสื้อวิ่งทุกครั้งหลังใช้งาน… แต่ซักให้ถูกวิธี
เหงื่อที่แห้งแล้วจะกลายเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย ทำให้เสื้อมีกลิ่น และระยะยาวอาจทำให้เส้นใยเสื่อมเร็วขึ้น มีเพื่อนนักวิ่งคนหนึ่งที่บอกว่า “เสื้อวิ่งที่ไม่ซักหลังใช้ เหมือนกับจานที่ไม่ล้างหลังกิน มันสะสมแต่สิ่งไม่ดี”
แต่จะซักยังไงให้ไม่ทำลายคุณสมบัติพิเศษของเสื้อวิ่งล่ะ?
ตอนที่ผมไปแข่งงาน Laguna Phuket Marathon ปีที่แล้ว ผมได้คุยกับนักวิ่งชาวออสเตรเลียท่านหนึ่ง (เขาวิ่ง Ultra marathon มาแล้วกว่า 30 รายการ!) เขาแนะนำวิธีการซักเสื้อวิ่งที่ผมใช้มาตั้งแต่นั้น
- ซักเสื้อวิ่งทันทีหลังใช้ หรือถ้าไม่สะดวก ให้แช่น้ำสักครู่แล้วค่อยซักภายหลัง
- ใช้น้ำเย็นหรืออุ่น (ไม่ใช่น้ำร้อน) เพราะน้ำร้อนทำลายคุณสมบัติยืดหยุ่นของเส้นใย
- ใช้ผงซักฟอกน้อยกว่าปกติ และเลือกชนิดอ่อนๆ
- ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มและสารฟอกขาวเด็ดขาด
- หลีกเลี่ยงการปั่นแห้งด้วยความร้อนสูง ตากในที่ร่มดีกว่า
เรื่องตลกคือ ผมเคยเห็นนักวิ่งบางคนเอาเสื้อวิ่งไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา (ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง) หลังวิ่งเสร็จ แล้วค่อยนำมาซักในวันถัดไป เขาบอกว่ามันช่วยป้องกันกลิ่น เพราะแบคทีเรียเติบโตช้าในที่เย็น
สำหรับคนที่วิ่งทุกวัน ผมแนะนำให้มีเสื้อวิ่งอย่างน้อย 3-4 ตัว เพื่อหมุนเวียนใช้ นั่นจะช่วยยืดอายุเสื้อแต่ละตัวได้อีกด้วย
ที่บ้านผมมีเสื้อวิ่ง 7 ตัว เรียงตามวันในสัปดาห์เลย ภรรยาผมชอบล้อว่า “นี่เสื้อหรือปฏิทิน?” แต่มันช่วยให้ผมไม่ต้องรีบซักและตากให้แห้งทันใช้ทุกวัน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ผ้ามักแห้งช้า
คำถามที่นักวิ่งมือใหม่มักสงสัย
“ไม่มีคำถามไหนโง่ หากมันช่วยให้คุณวิ่งได้สบายขึ้น”
เสื้อสำหรับฟิตเนสกับวิ่ง ใช้แทนกันได้ไหม?
คำถามนี้ผมเจอบ่อยมาก โดยเฉพาะจากลูกค้าที่เพิ่งซื้อลู่วิ่งไปใช้ที่บ้าน พวกเขามักมีเสื้อสำหรับเล่นฟิตเนสอยู่แล้ว และสงสัยว่าจำเป็นต้องซื้อเสื้อวิ่งโดยเฉพาะไหม
คำตอบคือ ใช้แทนกันได้ในบางกรณี แต่ไม่ใช่ทุกกรณี
เสื้อฟิตเนสส่วนใหญ่ออกแบบมาสำหรับการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบ ทั้งการยก ดึง ดัน บิด หมุน ในขณะที่เสื้อวิ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในแนวเดียว พร้อมการระบายความร้อนที่ดีกว่า
ต่างกันอย่างไร? ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ
เสื้อฟิตเนสมักมีความยืดหยุ่นรอบทิศทาง เพื่อรองรับการเคลื่อนไหวหลากหลาย แต่อาจระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าเสื้อวิ่ง
เสื้อวิ่งเน้นการระบายความร้อนและความเบา เพราะการวิ่งสร้างความร้อนต่อเนื่องมากกว่าการเล่นฟิตเนส แต่อาจไม่ยืดหยุ่นพอสำหรับท่ายากๆ ในฟิตเนส
เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นเทรนเนอร์ที่ฟิตเนส เขาลองใส่เสื้อวิ่งไปสอนคลาส แล้วพบว่ามันรั้งเวลายกแขนขึ้นสูงๆ หรือบิดตัว ในขณะที่ผมเองก็เคยลองใส่เสื้อฟิตเนสไปวิ่งไกล 10 กิโล และพบว่ามันร้อนกว่าเสื้อวิ่งมาก เหงื่อระเหยช้ากว่า
แต่ถ้าคุณเพิ่งเริ่มวิ่ง หรือวิ่งระยะสั้นๆ ในบ้านบนลู่วิ่ง เสื้อฟิตเนสก็ใช้ได้สบาย
มีลูกค้าผมคนหนึ่งซื้อลู่วิ่ง SONIC ไป เขาวิ่งด้วยเสื้อฟิตเนสธรรมดาทุกวัน วันละ 30 นาที และรู้สึกสบายดี จนกระทั่งวันที่เขาตั้งเป้าวิ่ง 10 กิโล บนลู่วิ่ง วันนั้นเองที่เขาโทรมาหาผมและบอกว่า “พี่หมิง ผมต้องซื้อเสื้อวิ่งแล้ว เสื้อฟิตเนสมันไม่ไหว ร้อนมาก!”
หลักการง่ายๆ คือ ยิ่งวิ่งไกล ยิ่งต้องการเสื้อที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งโดยเฉพาะ
ต้องมีเสื้อกี่ตัว ถ้าวิ่งสัปดาห์ละ 4 วัน?
“เสื้อวิ่งเหมือนเกียร์ในรถ ต้องมีครบทุกรูปแบบการใช้งาน”
เรื่องนี้ผมมีสูตรง่ายๆ คือ จำนวนวันที่วิ่งต่อสัปดาห์ + 2
สำหรับคนวิ่ง 4 วันต่อสัปดาห์ ควรมีเสื้อวิ่งอย่างน้อย 6 ตัว
ทำไมต้อง +2? หนึ่งตัวสำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น วันที่ฝนตกและเสื้อไม่แห้ง หรือวันที่คุณอยากวิ่งเพิ่ม และอีกหนึ่งตัวสำหรับโอกาสพิเศษ เช่น วันแข่ง หรือวันที่ต้องถ่ายรูป
แต่นอกจากจำนวนแล้ว ผมอยากแนะนำให้มีความหลากหลายด้วย
อย่างน้อย 2 ตัวควรเป็นเสื้อคุณภาพดี สำหรับวันที่วิ่งไกลหรือวิ่งแข่ง อย่างน้อย 1 ตัวควรมีแขนยาว สำหรับวันที่อากาศเย็น ที่เหลือเป็นเสื้อธรรมดาสำหรับวิ่งประจำวัน
ผมเคยไปเยี่ยมบ้านเพื่อนนักวิ่งคนหนึ่ง เขาเปิดตู้เสื้อผ้าให้ดู ผมถึงกับอึ้ง! เขามีเสื้อวิ่งเกือบ 30 ตัว เรียงตามสี แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามระยะทางและสภาพอากาศ ผมถามว่าทำไมต้องมีเยอะขนาดนี้ เขาหัวเราะและบอกว่า “แค่รู้ว่ามีเสื้อเหมาะกับทุกสถานการณ์ มันทำให้ฉันไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ออกไปวิ่ง”
อีกเรื่องที่ทำให้ผมประทับใจคือ ลูกค้าผมคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มวิ่ง เขาซื้อลู่วิ่ง A3 ไปได้ 2 เดือน แล้วกลับมาที่ร้านพร้อมกับภรรยา ผมคิดว่าเขามาปรึกษาปัญหาเรื่องลู่วิ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขามาขอคำแนะนำเรื่องเสื้อวิ่ง เขาบอกว่า “ตอนนี้ผมวิ่งเป็นกิจวัตรแล้ว อยากลงทุนกับเสื้อผ้าดีๆ บ้าง” ผมดีใจมากที่เห็นเขาเอาจริงเอาจังกับการวิ่ง และเริ่มเข้าใจความสำคัญของอุปกรณ์ที่เหมาะสม
เสื้อต้องดี ลู่วิ่งก็ต้องเหมาะ วิ่งในบ้านใส่เสื้ออะไรก็ไม่ช่วย ถ้าลู่วิ่งไม่ตอบโจทย์
“เสื้อดีช่วยให้วิ่งสบาย แต่ลู่วิ่งที่ใช่จะช่วยให้คุณวิ่งได้นานและปลอดภัยยิ่งขึ้น”
หลังจากที่เราคุยกันเรื่องเสื้อผ้ามาเยอะแล้ว ผมอยากพูดถึงอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการวิ่งของคุณ นั่นคือ ลู่วิ่งที่ใช้
ผมเคยมีลูกค้าคนหนึ่งโทรมาบ่นว่า “โค้ชหมิง ผมซื้อเสื้อวิ่งแพงๆ มาแล้ว แต่ทำไมวิ่งบนลู่วิ่งแล้วยังเจ็บเข่าอยู่?”
พอผมไปดูที่บ้านเขา ปัญหาคือเขาซื้อลู่วิ่งราคาถูกที่ไม่มีระบบรองรับแรงกระแทกที่ดีพอ! เสื้อดีแค่ไหนก็ช่วยเข่าไม่ได้ ถ้าลู่วิ่งไม่ได้มาตรฐาน
การเลือกลู่วิ่งให้เหมาะกับรูปแบบการวิ่งของคุณสำคัญพอๆ กับการเลือกเสื้อผ้าเลยทีเดียว
โค้ชแนะนำ ถ้าคุณเน้นวิ่งเบา เดินเร็ว → รุ่น A1
รุ่น A1 เป็นลู่วิ่งขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย หรือต้องการเพียงการเดินเร็วและวิ่งเบาๆ
จุดเด่นของมันคือ ราคาไม่แพง ขนาดเล็ก พับเก็บง่าย เหมาะสำหรับคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด
แต่ข้อจำกัดคือมอเตอร์ 3.0 แรงม้า และความเร็วสูงสุดแค่ 14.8 กม./ชม. ซึ่งอาจไม่พอสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความเร็วสูง
เรื่องเสื้อผ้า สำหรับลู่วิ่ง A1 คุณไม่จำเป็นต้องมีเสื้อวิ่งแบบพิเศษมาก เสื้อโพลีเอสเตอร์ทั่วไปก็ใช้ได้ดี เพราะคุณจะไม่ได้เหงื่อออกมากเท่ากับวิ่งความเร็วสูง
ถ้าเริ่มวิ่งจริงจังระยะ 5-10K → รุ่น A3 หรือ SONIC
สำหรับคนที่เริ่มซีเรียสกับการวิ่ง และต้องการฝึกฝนระยะ 5-10 กิโลเมตร รุ่น A3 หรือ SONIC จะเหมาะกว่า
A3 มีมอเตอร์ 3.5 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 16 กม./ชม. และรองรับน้ำหนักได้ถึง 120 กิโล พื้นที่วิ่งกว้างขึ้น ทำให้วิ่งสบายกว่า
SONIC มีจุดเด่นที่ปรับความชันได้อัตโนมัติ 0-15% ความเร็วสูงสุด 18 กม./ชม. เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความท้าทายในการวิ่ง
เรื่องเสื้อผ้า ตรงนี้เริ่มต้องเน้นเสื้อวิ่งจริงจังแล้ว เพราะคุณจะเหงื่อออกมาก ต้องการเสื้อที่ระบายความชื้นได้ดี โดยเฉพาะเสื้อแบบบางเบา ไม่มีแขนหรือแขนสั้น
มีลูกค้าคนหนึ่งซื้อ SONIC ไปใช้ แล้วกลับมาซื้อเพิ่มอีกเครื่องสำหรับภรรยา เขาเล่าให้ฟังว่า “ตอนแรกภรรยาผมไม่ค่อยชอบวิ่ง แต่พอได้ลองลู่วิ่งที่นุ่มและปรับความชันได้ เธอติดใจ ตอนนี้วิ่งทุกวันเลย”
ถ้าฝึกแบบโปร วิ่งทุกวัน หลากหลายโปรแกรม → A5, X20 หรือ X20S
สำหรับนักวิ่งจริงจังที่วิ่งทุกวัน และต้องการฝึกซ้อมหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งระยะไกล วิ่งความเร็วสูง หรือวิ่งขึ้นเขา (hill training) รุ่น A5, X20 หรือ X20S จะเหมาะที่สุด
A5 มีมอเตอร์แรงถึง 5.0 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 20 กม./ชม. พื้นที่วิ่งกว้างขวางถึง 58 x 145 ซม. รองรับน้ำหนักได้ถึง 150 กิโล เหมาะสำหรับคนตัวใหญ่หรือนักวิ่งที่ต้องการพื้นที่วิ่งกว้างๆ
X20 และ X20S เป็นรุ่นพรีเมียม มีมอเตอร์ AC แรงและทนทานกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก หน้าจอใหญ่แสดงข้อมูลครบถ้วน และรองรับแอพพลิเคชั่นหลากหลาย รวมถึง Zwift ที่จำลองเส้นทางวิ่งจริง
เฉพาะ! เสื้อควรระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม เนื้อผ้าต้องทนทานต่อการซักบ่อย และอย่าลืมมีเสื้อหลายแบบเพื่อสลับใช้ตามความเข้มข้นของการฝึก
ผมมีลูกค้าคู่หนึ่งที่ซื้อลู่วิ่ง X20S ไปใช้ที่บ้าน แล้วโทรมาขอคำแนะนำเรื่องเสื้อวิ่ง ผมบอกพวกเขาว่า “ลงทุนกับเสื้อวิ่งหลากหลายประเภท เหมือนที่คุณลงทุนกับลู่วิ่งคุณภาพดี” หกเดือนต่อมา ทั้งคู่ลงวิ่ง Half Marathon ได้สำเร็จ!
ถ้าคุณคือระดับฟิตเนสหรือ Full Marathon → ต้อง REAL หรือ X12 เท่านั้น
“ลู่วิ่งระดับนี้ไม่ใช่เครื่องออกกำลังกายธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ฝึกซ้อมของนักกีฬา”
สำหรับคนที่ซีเรียสกับการวิ่งสุดๆ หรือเจ้าของฟิตเนสที่ต้องการลู่วิ่งที่รองรับการใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวัน รุ่น REAL หรือ X12 คือคำตอบสุดท้าย
REAL และ X12 ใช้มอเตอร์ AC พิเศษที่ทนทานกว่ามาก สามารถรองรับการใช้งานหนักได้ต่อเนื่อง โครงสร้างแข็งแรงเป็นพิเศษ พื้นที่วิ่งกว้างขวาง และมีระบบรองรับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการวิ่งระยะไกล
มีลูกค้าที่เป็นนักวิ่ง Ultra Marathon ซื้อ X12 ไปไว้ที่บ้าน เขาวิ่งบนลู่นี้วันละ 2-3 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวแข่งขัน ใช้มาแล้ว 2 ปี ยังสภาพดีเหมือนใหม่
เรื่องเสื้อผ้า นักวิ่งระดับนี้ควรมีเสื้อวิ่งหลากหลายชนิด ครบทุกสภาพอากาศ เน้นคุณภาพสูง ตัดเย็บพิเศษเพื่อการวิ่งระยะไกล และควรมีชุดสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ
ผมอยากเล่าให้ฟังว่า มีนักวิ่งระดับแชมป์ประเทศไทยคนหนึ่งมาที่ร้าน เขามองลู่วิ่ง X12 แล้วบอกว่า “เครื่องนี้ดีกว่าที่ฟิตเนสที่ผมใช้อยู่ทุกวันอีก” นั่นเป็นคำชมที่ทำให้ผมภูมิใจมาก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. เสื้อผ้าวิ่งที่ดีต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
เสื้อผ้าวิ่งที่ดีต้องระบายเหงื่อได้เร็ว น้ำหนักเบา ไม่เสียดสีผิว มีความยืดหยุ่นเพียงพอ และทนทานต่อการซักบ่อย วัสดุที่ดีที่สุดคือโพลีเอสเตอร์ผสมอีลาสเทนหรือสแปนเด็กซ์ ตะเข็บควรแบนหรือใช้เทคนิค flatlock เพื่อไม่ให้เสียดสีผิว จากประสบการณ์ของผม เสื้อที่มีราคาสูงกว่ามักจะทนทานกว่าและใช้ได้นานกว่า คุ้มค่าในระยะยาว
2. ทำไมเสื้อวิ่งราคาสูงถึงดีกว่าเสื้อราคาถูก?
เสื้อวิ่งราคาสูงมักใช้เทคโนโลยีการทอและเส้นใยพิเศษที่ระบายเหงื่อได้ดีกว่า ตะเข็บคุณภาพสูงที่ไม่เสียดสีผิว และความทนทานที่มากกว่า เสื้อราคาถูกมักจะเสื่อมคุณภาพเร็วหลังการซักไม่กี่ครั้ง โดยเฉพาะคุณสมบัติการระบายเหงื่อ จากการที่ผมขายอุปกรณ์วิ่งมาหลายปี ลูกค้าที่ซื้อเสื้อราคาสูงมักจะกลับมาซื้อซ้ำในแบรนด์เดิม แสดงว่าพวกเขาพอใจกับคุณภาพที่ได้รับ
3. จะรู้ได้อย่างไรว่าเสื้อวิ่งที่กำลังจะซื้อเหมาะกับเรา?
วิธีง่ายๆ คือทดลองวิ่งเบาๆ ในร้าน (ถ้าทำได้) สังเกตว่ามีจุดไหนรัดหรือเสียดสีหรือไม่ ลองยกแขน บิดตัว ก้มเงย เพื่อดูว่าเสื้อเคลื่อนที่ไปกับร่างกายได้ดีแค่ไหน ถ้าเสื้อรั้งตึงหรือขยับไปมา แสดงว่าไม่ใช่ขนาดหรือทรงที่เหมาะกับคุณ ผมเองชอบสวมเสื้อวิ่งตัวใหม่แค่ประมาณ 3-5 กิโลเมตรก่อน เพื่อทดสอบว่าเหมาะกับการวิ่งระยะไกลหรือไม่
4. เสื้อผ้าสะท้อนแสงสำคัญจริงหรือ?
สำคัญมากสำหรับคนที่วิ่งในที่มืดหรือช่วงเช้ามืด/เย็นมืด การสวมเสื้อผ้าสะท้อนแสงช่วยให้คนขับรถมองเห็นคุณได้ไกลขึ้น 2-3 เท่า ซึ่งอาจเป็นความแตกต่างระหว่างความปลอดภัยและอุบัติเหตุ จากประสบการณ์วิ่งกว่า 20 ปี ผมไม่เคยประมาทเรื่องนี้เลย และแนะนำลูกค้าทุกคนให้มีเสื้อหรืออุปกรณ์สะท้อนแสงติดตัวเสมอ
5. ควรซักเสื้อวิ่งอย่างไรให้ใช้ได้นาน?
ซักด้วยน้ำเย็นหรืออุ่น ไม่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ดขาด ใช้ผงซักฟอกน้อยกว่าปกติ หลีกเลี่ยงการปั่นแห้งด้วยความร้อนสูง และตากในที่ร่ม น้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำลายคุณสมบัติการระบายเหงื่อของเสื้อวิ่ง ผมเคยทำผิดพลาดใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อวิ่งตัวโปรด และไม่สามารถกู้คุณสมบัติกลับมาได้เลย
6. เสื้อผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร?
เสื้อผู้ชายออกแบบสำหรับไหล่กว้าง ลำตัวเป็นทรงสี่เหลี่ยม ขณะที่เสื้อผู้หญิงมีการเว้าเข้าที่เอว บานออกที่สะโพก และมีพื้นที่สำหรับหน้าอก ตำแหน่งตะเข็บก็วางต่างกัน โดยเฉพาะบริเวณรักแร้และหน้าอก ซึ่งเป็นจุดที่นักวิ่งผู้หญิงมักมีปัญหาเรื่องการเสียดสี จากประสบการณ์ขายเสื้อวิ่ง ผมพบว่าลูกค้าที่ใช้เสื้อผิดเพศมักจะกลับมาซื้อใหม่ในไม่ช้า เพราะไม่สบายตัวจริงๆ
7. มีวิธีดูแลเสื้อผ้าวิ่งให้ไม่มีกลิ่นอย่างไร?
ซักทันทีหลังวิ่งเสร็จ หรือถ้าไม่สะดวก ให้แช่น้ำเปล่าไว้ก่อน ไม่ควรทิ้งเสื้อเปียกเหงื่อไว้ในตะกร้าผ้านาน เพราะแบคทีเรียจะเติบโตและทำให้เกิดกลิ่น บางคนแนะนำให้แช่ด้วยน้ำส้มสายชูขาวผสมน้ำในอัตราส่วน 14 ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อได้ดี ผมเองใช้วิธีนี้กับเสื้อวิ่งเก่าๆ ที่เริ่มมีกลิ่น และได้ผลดีมาก
8. นักวิ่งมือใหม่ควรลงทุนกับเสื้อผ้าแค่ไหน?
เริ่มต้นด้วยเสื้อโพลีเอสเตอร์คุณภาพปานกลาง 2-3 ตัว ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะวิ่งจริงจังหรือไม่ แต่ถ้าคุณตั้งใจจะวิ่งระยะไกลหรือวิ่งประจำ ควรลงทุนกับเสื้อคุณภาพดีอย่างน้อย 1 ตัว เพื่อสัมผัสความแตกต่าง จากประสบการณ์ของผม นักวิ่งมือใหม่ที่ลงทุนกับเสื้อผ้าดีๆ ตั้งแต่ต้น มักจะวิ่งได้นานกว่าและมีแนวโน้มที่จะวิ่งต่อเนื่องมากกว่า
9. เสื้อวิ่งสีไหนดีที่สุด?
ไม่มีคำตอบตายตัว แต่มีหลักการคือ สีสว่างสำหรับวิ่งกลางคืนเพื่อความปลอดภัย สีเข้มสำหรับวิ่งในเมืองเพื่อปกปิดคราบเหงื่อ สีอ่อนสำหรับวิ่งกลางแจ้งในวันที่อากาศร้อนเพราะสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า ในฐานะนักวิ่งมาราธอน ผมมีเสื้อหลายสีเพื่อใช้ในสถานการณ์ต่างๆ แต่เน้นสีสว่างมากกว่าเพราะความปลอดภัยสำคัญที่สุด
10. ลู่วิ่งรุ่นไหนเหมาะสำหรับใช้ที่บ้านมากที่สุด?
ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและงบประมาณ A1 เหมาะสำหรับมือใหม่ เดินเร็ว/วิ่งเบา งบประหยัด, A3/SONIC เหมาะสำหรับนักวิ่ง 5-10K ซีเรียสปานกลาง, A5/X20 เหมาะสำหรับนักวิ่งจริงจังที่ฝึกซ้อมหลากหลายรูปแบบ, REAL/X12 เหมาะสำหรับนักวิ่งมาราธอนหรือใช้ในฟิตเนส จากประสบการณ์ขายลู่วิ่งนับพันเครื่อง ผมพบว่าลูกค้าที่เลือกลู่วิ่งเกินความต้องการมักจะใช้งานไม่คุ้ม ขณะที่คนที่เลือกต่ำกว่าความต้องการมักจะต้องอัพเกรดในเวลาไม่นาน
สรุป
การเลือกเสื้อผ้าวิ่งที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องความสวยงามหรือแฟชั่น แต่เป็นเรื่องของประสิทธิภาพและความสบายในการวิ่ง เสื้อผ้าวิ่งที่ดีจะช่วยให้คุณวิ่งได้ไกลขึ้น สบายขึ้น และมีความสุขกับการวิ่งมากขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมือใหม่หรือนักวิ่งมาราธอนตัวยง การลงทุนกับเสื้อผ้าที่เหมาะสมคือการลงทุนกับสุขภาพและความสุขของตัวคุณเอง
และอย่าลืมว่า การมีลู่วิ่งที่เหมาะสมกับรูปแบบการวิ่งของคุณก็สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณกำลังมองหาลู่วิ่งคุณภาพดี ผมยินดีให้คำแนะนำที่ Runathome.co เรามีลู่วิ่งหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณของคุณ
จากประสบการณ์วิ่งมาราธอนและขายอุปกรณ์วิ่งมากว่า 20 ปี ผมเชื่อว่าการวิ่งที่ดีเริ่มต้นจากอุปกรณ์ที่ใช่ เสื้อผ้าที่สบาย และลู่วิ่งที่เหมาะสม
วิ่งให้สนุก วิ่งให้ปลอดภัย และวิ่งให้สุขภาพดี!